“วันลาพักร้อนและวันหยุดยาว” นี่แหละสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรารอคอย บวกโบนัสไปอีกคงดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องวางแผนเรื่องการเงินอะไรให้มากนัก แต่เดี๋ยวก่อน ตื่นค่ะตื่น! ถ้าสิ่งที่ว่ามาดูเพ้อๆ กว่าความเป็นจริง ก็ซับน้ำตาแล้วมาดูนี่ดีกว่า เพราะถ้าหากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่อยากจะลองเก็บเงินเที่ยวด้วยตัวเอง จะปีละครั้งสองครั้ง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ทาง WOM JAPAN มีวิธีเบื้องต้นดีๆ มาแชร์ให้ดูตรงนี้แล้ว
01
ค้นหาจุดหมายปลายทาง แล้วเริ่มหาข้อมูล
แน่นอนว่าอย่างแรกคือการเลือกสถานที่ ที่เราอยากจะไป ถ้าหากเราอยากจะเริ่มต้นเดินทางด้วยตัวเองคนเดียว แบบไม่ง้อทัวร์ ไม่ง้อใคร ก็ควรเริ่มจากประเทศเบาๆ ก่อน อย่างประเทศญี่ปุ่นนี่แหละ เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาก เข้าถึงง่าย และเดินทางท่องเที่ยวสะดวก ยิ่งเดี๋ยวนี้มีป้ายบอกภาษาไทยเต็มไปหมด ไม่ต้องห่วงว่าจะไปป้ำๆเป๋อๆ อยู่ที่นู้น ถ้าใครมีเพื่อนร่วมทริปไปด้วย ก็ดีเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการหาข้อมูล ท่องเว็บนู้น ออกเว็บนี้ อย่างกระทู้บลูแพลนเน็ต อ่านๆ ดูรีวิวคร่าวๆ ให้มีข้อมูลในหัวว่าควรไปจะไปเที่ยวไหน ที่นั้นมีอะไรน่าสนใจ เดินทางยังไงได้บ้าง เพื่อที่จะวางแผนเป็นลำดับต่อไป
02
จัดสรรและกำหนดเวลาสำหรับทริปท่องเที่ยว
เมื่อได้จุดหมายที่ต้องการแล้ว ก็อย่าลืมศึกษาคร่าวๆ ก่อนว่าจุดหมายที่เราจะไปเป็นอย่างไร สิ่งถัดมาที่ต้องทำก็คือหาช่วงเวลาเดินทาง ใช้เวลากี่วัน และจะหยุดวันไหนบ้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและวันหยุดลาพักร้อนที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรามี โดยปกติแล้ว เราก็ต้องดูปฏิทินวันหยุดประกอบไปด้วยถูกไหม ซึ่งวิธีที่ดีสำหรับทริปที่คิดว่าต้องใช้เวลาท่องเที่ยวเป็นอาทิตย์หรือมนุษย์เงินเดือนที่บริษัทให้วันลาพักร้อนมาน้อยนิด ก็ควรหยุดควบไปกับวันหยุดยาวประจำปี เพื่อที่จะได้มีวันลาเหลือไปใช้ในทริปต่อไปหรือโอกาสอื่น
03
วางแผนเรื่องงบประมาณ
จะบอกว่าเงินนี่แหละ คือปัจจัยที่สำคัญสุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ฉะนั้น การวางแผนไว้ก่อน จึงเป็นเรื่องสำคัญ จากข้อหนึ่งที่เราหาข้อมูลของจุดหมายที่เราอยากจะไปแล้ว ก็ทำให้รู้ได้คร่าวๆ ว่า ตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นมีราคาประมาณเท่าไหร่ ที่พักในญี่ปุ่นประมาณไหน ค่าเดินทาง ค่ากิน และค่าช้อปอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ควรมีไว้ในหัว แล้วจดไว้เลยว่า ค่าตั๋วเครื่องบินควรอยู่ในงบประมาณนี้ ที่พักจำนวนคืนเท่านี้ อัตราแลกเปลี่ยนควรอยู่ที่เท่านี้ พ็อกเก็ตมันนี่เราจะใช้เท่านี้ เพื่อไม่ให้งบประมาณบานปลาย อีกอย่างหนึ่ง คือวิธีการเก็บออมเพื่อการท่องเที่ยวของคุณ ก็อาจจะลองแบ่งออกมากจากเงินเดือนต่างหากสัก 5-10% ทุกเดือน ตรงนี้ก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน รวมไปถึง ถ้ามีเพื่อนไปเที่ยวด้วยเนี่ย ค่าที่พักหรือค่าจิปาถะอื่นๆ ก็จะถูกหาร นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ทริปของมนุษย์เงินเดือนประหยัดไปได้
04
จองตั๋วเครื่องบิน
พอได้งบประมาณในใจแล้ว ถัดมาก็คือการจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นนี่แหละ ซึ่งบอกเลยว่าน่าจะกินงบประมาณไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ฉะนั้น การวางแผนการเดินทางตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ได้ตั๋วถูก จะเป็นการดีที่สุด และวิธีในการจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การติดตามเพจบอกโปรโมชั่นต่างๆ เจอตั๋วถูกปุ๊ปก็จองปั๊ป หรือตัวช่วยที่เราอยากจะแนะนำอีกอย่างเลยก็คือ แอปพลิเคชั่น Traveloka ประเด็นคือ แอปฯ นี้เขาสามารถหาตั๋วบินไปญี่ปุ่นได้ในราคาถูก ตั้งแต่สายการบินโลว์คอสไปจนถึงฟูลเซอร์วิส แถมยังไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็ได้ แค่โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มธรรมดา ก็จองตั๋วเครื่องบินได้แล้ว แถมบางครั้งมีโค้ดส่วนลดแจก ไว้ใช้ลดได้อีกต่างหาก คือมันดีมาก เป็นแอปฯ ที่ตอบโจทย์เหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา
หากสนใจจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ป่นกับ Traveloka คลิกได้ที่นี้
05
จองที่พักโรงแรม
พอได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็อย่าลืมจองที่พักโรงแรม ซึ่งคุณสามารถจองพร้อมกับตั๋วเครื่องบินได้เลย เพราะแอปฯ Traveloka ที่เราแนะนำไป มีให้บริการจองที่พักด้วย ขอบอกเลยว่าสะดวกและรวดเร็วมากๆ และการเลือกประเภทที่พักก็สำคัญ หากใครไม่ซีเรียสว่าจะต้องสะดวกสบาย ก็แนะนำให้พักประเภทโฮสเทล เพราะราคาถูก เหลือเงินไปเที่ยวได้อีกเยอะ เพราะเวลาเราไปเที่ยวทั้งที ก็คงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในห้องพักมากนัก ถูกไหม? นอกเหนือจากนี้อย่าลืมดูพวกรีวิวหรือคอมเม้นท์ต่างๆ ของที่พัก ว่าสถานที่ตั้งเดินทางสะดวกไหม จะปลอดภัยไหมหากต้องไปคนเดียว และบริการอื่นๆภายในโรงแรมอย่าง Wi-Fi, บริการ Reception ตลอด 24 ชั่วโมง บริการฝากกระเป๋า หรือใกล้ๆ มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารรึเปล่า
สนใจจองที่พักญี่ปุ่นกับ Traveloka คลิกที่นี้
06
ทำโปรแกรมเที่ยว
ท้ายสุดก่อนการเดินทางไปญี่ปุ่นจะมาถึง มนุษย์เงินเดือนก็อย่าลืมทำแผนการเที่ยวไว้ด้วย ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ อย่างน้อยก็ควรทำไว้คร่าวๆ ไปถึงแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งงมเข็มในมหาสมุทร เพราะมันจะเสียเวลาเอามากๆ ไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลเป๊ะ แต่ก็แพลนไว้สักนิด เช่น วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง โดยดูเอาจากสถานที่ๆ อยู่ระแวกใกล้ๆ จะได้เที่ยวในวันเดียวกันเป็นย่านๆ อาจจะเซฟไว้ใน Google Map เพื่อให้เราเห็นภาพรวมว่าตรงไหนใกล้อะไร ถัดมาก็อาจเป็นวิธีเดินทางอย่างไร ซึ่งถ้ามนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลาวางแผนเลย วิธีที่ดีคือการมีอินเตอร์เน็ตติดตัว โดยอาจเช่าพ็อกเก็ตไวไฟไปหรือซื้อซิม เพื่อใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ เป็นตัวช่วย
ทีนี้พอจะเห็นภาพคร่าวๆ รึยัง การที่มนุษย์เงินเดือนอยากจะออกไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่มั้ยหล่ะ วิธีวางแผนเที่ยวที่เรานำมาฝากกันในบทความนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนและสร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปเที่ยวกันมากขึ้นนะ