ใต้ความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามา ภูมิภาคโทโฮคุยังคงเป็นดินแดนสีเขียวที่พร้อมให้เราออกไปเที่ยวกับธรรมชาติ สูดอากาศสบายๆ ให้เต็มปอด กลิ่นฝน และทิวทัศน์สีเขียวขจีที่ตัดกับดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอมม่วงของจริงนั้น มีเสน่ห์กว่าที่เราเคยเห็นในรูปเป็นไหนๆ
YAMAGATA
Mogamigawa
แม่น้ำโมกามิ
ล่องเรือตามแม่น้ำ Mogami ความยาว 800 เมตร ผ่านหุบเขาที่เขียวขจีในช่วงฤดูฝน ที่นี่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หากมาแต่ละฤดู เสน่ห์ของหุบเขาก็จะแตกต่างกัน อย่างฤดูหนาวก็จะเป็นสีขาวโพลน หรือถ้าเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี 2 ข้างทางก็จะเต็มไปด้วยใบ้ไม้สีแดงส้ม ราวกับภูเขาถูกย้อมสี
ระหว่างทางเรายังได้ฟังเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้จากคุณลุงที่เป็นเหมือนพิธีกรประจำเรือตลอด 1 ชั่วโมงเต็ม
คุณลุงเล่าว่า ที่หุบเขาแห่งนี้ บางทีก็มีหมีแม่ลูกออกมาหาลูกวอลนัทกินบ้าง หรือบางทีก็มีตัวทานูกิ เจ้าแรคคูนญี่ปุ่น ออกมาทักทายเราตามถนนบ้าง และเส้นทางนี้ก็อยู่ในบทประพันธ์ “Oku no hoso michi “ ที่บันทึกเรื่องราวการเดินทางของ Matsuo Basho ด้วย
Matsuo Basho ผู้แต่งบทประพันธ์ "Oku no hoso michi"
เรือจอดแวะที่โป๊ะขายของ เราก็เลยซื้อปลาอายุกิน 500¥
ร้านขายของฝากก่อนขึ้นเรือ
cr : http://kose99.blog32.fc2.com/blog-entry-1105.html
cr : http://www.asoview.com/yamagata/are0060500/
Cherry Land
เชอร์รี่แลนด์
แวะมาเก็บเชอร์รี่เข้าปากกันสดๆ กินได้ไม่อั้นจนพุงกาง ภายในเวลา 30 นาที ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง เพราะฤดูฝนเป็นฤดูของเชอร์รี่ แน่นอนว่าเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำสุดๆ บริเวณใกล้ๆ ก็มีร้านขายของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์จากเชอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น แยม ไอศกรีม ขนม บลาๆ วางจำหน่ายเต็มไปหมด
จะซื้อเป็นกล่องก็มีขาย ราคาตั้งแต่ 600-10,000 ¥
Ginzan Onsen
กินซังออนเซ็น
ย่านออนเซ็นกลางหุบเขาในจังหวัดยามากาตะ ที่พักแบบเรียวกังขนาน 2 ข้างทางกับแสงไฟสลัวในช่วงพลบค่ำ ชวนให้บรรยากาศดูคลาสสิค ยิ่งหนุ่มสาวคนญี่ปุ่นต่างใส่ชุดยูกาตะออกมาเดินเล่น ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในเมืองโบราณอย่างไรอย่างงั้น
นอกจากเรียวกังแล้ว ยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เดินเล่นเพลินๆ ไปจนสุดทางก็จะเจอกับน้ำตกซ่อนอยู่ด้านหลัง รอบๆ เป็นป่าไม้สวยงาม เชื่อว่าถ้าได้มาตอนฤดูใบไม้ผลิ เราจะถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีแดงส้ม
พอตกดึก อากาศเริ่มเย็น เลยขอนั่งแช่ออนเซ็นเท้าคลายหนาวซะหน่อย
Toreiyu Tsubasa
รถไฟโทเระยุ สึบาซะ
เราตื่นเต้นกับการที่จะได้ไปแช่ออนเซ็นเท้าบนรถไฟมาก เลยเตรียมตัวเลือกเสื้อผ้าที่ทกขากางเกงได้สบายๆ มาอย่างดี ขึ้นรถไฟจากสถานี Yamagata สุดที่สถานี Fukushima รวมแล้วเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง Torei ออกเสียงย่อมาจากคำว่า Train รวมกับคำว่า Yu ที่แปลว่าน้ำร้อนในภาษาญี่ปุ่น
เมื่อเราประจำที่นั่งที่จองไว้ พนักงานก็จะเดินมาเสิร์ฟ Welcome drink set มีทั้งไวน์ ซาเก และน้ำผลไม้ให้เลือก และพนักงานก็จะคอยอธิบายว่าเราต้องทำอย่างไรบ้าง จะต้องไปแช่เท้ากี่โมง
เดินไปเตรียมตัวก่อนเข้าแช่เท้า 15 นาที ที่โบกี้ 16 ด้านในจะมีสองบ่อ สามารถแช่ได้บ่อละประมาณ 3-4 คน พนักงานก็จะเรียกเป็นกรุ๊ปตามคิว พร้อมกับให้ผ้าเช็ดเท้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะ
https://jr-sendai.com/train/toreiyu/
https://jr-sendai.com/train/toreiyu/
นั่งมองวิวภูเขา และทุ่งนาเขียวชอุ่มผ่านหน้าต่าง ขณะที่รถไฟกำลังแล่น พร้อมกับแช่เท้าในน้ำอุ่น ฟองผุดๆ จากจากุชชี่ช่วยนวดเท้าให้หายเมื่อยได้เป็นอย่างดี ครบ 15 นาทีก็กลับมากินโอเบนโตะที่เราซื้อเป็นเซ็ทพร้อมตั๋วไว้แบบฟินๆ