ราเมนที่หน้าตาดูธรรมดา มีแค่เส้น หมูชาชู และหน่อไม้ โปะด้วยลูกชิ้นปลาลายก้นหอยแผ่นบางๆ หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่น่าอร่อย แต่ Kitakata Ramen นี่แหละคือที่สุดของราเมนรสชาติต้นตำรับ ด้วยความที่น้ำซุปเป็นน้ำซุปโชยุ ไม่มีไขมันลอยเต็มชาม รสชาติเบาปาก ไม่เลี่ยน คนท้องถิ่นจึงนิยมกินแต่ Kitakata Ramen กันตั้งแต่เช้า เลยเรียกอีกอย่างว่า Asa-Ra (Asa แปลว่าเช้า Ra มาจากคำว่าราเมน) 

คุณยายเจ้าของร้านเล่าให้เล่าฟังว่าเมื่อก่อนย่านนี้มีร้านราเมนมากถึง 100 กว่าร้าน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 กว่าร้านเท่านั้น และแต่ละร้านราเมนส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เช้า 6.30 น.!! หากใครไม่มีโอกาสมากินถึงฟุคุชิม่า ก็ลองหากินที่โตเกียวได้ แต่บอกก่อนว่ามากินถึงที่รสชาติมันถึงเครื่องมากกว่า

ด้วยความที่ติดใจในรสชาติน้ำซุปโชยุหอมๆ กับเส้นราเมนหยิกๆ เหนียวนุ่ม เราเลยขอแวะซื้อราเมนเส้นสดกลับไทยเสียหน่อย (แนะนำว่าถ้าซื้อแล้ว ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 5 วัน ) ที่นี่ก็จะวางขายราเมนแทบทุกยี่ห้อที่เป็น Kitakata Ramen มีเยอะจนเราเลือกไม่ถูก

แวะเที่ยวบ้านซามูไรในสมัยเอโดะ ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมือง Aizu Wakamatsu เพียงแค่เราก้าวผ่านประตูโครงไม้เก่าๆ เข้าไป เราก็สัมผัสได้ถึงอดีตที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้

อาคารหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าเรา คือ Karo Yashiki  ที่มีจำนวนห้องกว่า 38 ห้อง ใช้เสื่อทาทามิถึง 328 ผืน  ภายในห้องมีหุ่นขี้ผึ้งราวกับคนจริงๆ ตั้งแสดงโชว์ไว้เพื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตของซามูไรสมัยก่อน

ปราสาทสึรุกะ หรือปราสาทนกกระเรียน ถูกสร้างขึ้นเมื่อสมัยปีค.ศ. 1384 แต่ได้ถูกทำลายลงเนื่องจากสงครามต่อต้านรัฐบาลเมจิ ต่อมาได้รับการบูรณะด้วยคอนกรีต แต่ยังคงด้วยรูปแบบดั้งเดิม หลังคาเดิมที่เป็นสีเทา ก็กลายเป็นสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น