ด้วยความมีเวลาอันน้อยนิด เพียง 2 วันในการอยู่จังหวัดยามานาชิ ทริปนี้เราจึงตั้งใจว่าจะเที่ยวให้คุ้ม เลยลุยเก็บสถานที่ไฮไลท์ๆ รอบภูเขาไฟฟูจิได้ครบทุกๆ ที่ที่ตั้งใจว่าจะไป และยังเน้นการประหยัดค่าเดินทางด้วยพาส Mt. Fuji Pass อีกด้วย
Day1
Chureito Pagoda
วิวภูเขาไฟฟูจิสีฟ้าคราม ที่ตัดด้วยเจดีย์แดง 5 ชั้น บนเนินเขาสูง คือภาพที่เราเห็นอยู่ในโปสเตอร์บ่อยๆ จนต้องจัดอันดับให้เป็น 1 ในบัคเก็ตลิสต์ที่ต้องมาให้ได้เมื่อมาเยือนจังหวัดยามานาชิ
ถ้ามาตอนช่วงเช้าจะได้ภาพที่ไม่ย้อนแสง
เจดีย์แดง หรือเจดีย์จูเรอิโตะ ตั้งอยู่ที่ศาลเจ้าอาราคุระเซ็นเง็น (Arakura sengen shrine) ใครที่ไปควรฟิตร่างกายให้พร้อมสักนิด เพราะกว่าจะถึงบริเวณเจดีย์เราต้องไต่บันไดชันเกือบ 400 ขั้น เรียกได้ว่าหอบแฮ่ก แต่ก็คุ้มค่า และรู้สึกหายเหนื่อย เมื่อได้เห็นวิวเจดีย์แดงที่มีภูเขาไฟฟูจิทอดยาวอยู่เป็นฉากหลัง มันสวยแบบสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ
เมืองคาวากูจิโกะจากมุมสูง 360 องศา
วิธีการเดินทาง
ขึ้นรถไฟสถานี Otsuki – สถานี Shimo Yoshida
Yamanakako Swan Lake
ทริปนี้ฟ้าโปร่งเป็นใจ มองไปทางไหนก็เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิสวยทุกองศา เลยมานั่งเรือหงส์รับลมเล่นที่ทะเลสาบยามานากะโกะ 1 ในทะเลสาบที่เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ใหญ่ที่สุด และใกล้ที่สุด
ที่นี่ถือเป็นทะเลสาบที่มากด้วยกิจกรรม ไม่ว่าจะปั่นจักรยานเล่น หรือจะนั่งรถ Kaba รถสะเทินน้ำสะเทินบกที่สามารถวิ่งไปในทะเลสาบ แถมรอบๆ ยังมีร้านอาหาร โรงแรมเรียวกังให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องไปไหนไกล
น้องเป็ดผู้หิวโหยรออาหารเม็ดในมือเราอยู่
เรือจะค่อยๆ แล่นไป ประมาณ 25 นาที ในระหว่างนั้น เราก็เดินเล่นรอบเรือ ขึ้นไปบนชั้น 2 ถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิ
วิธีการเดินทาง
ขึ้นรถบัสป้าย Fujisan – ป้ายYamanakako Asahigaoka
ราคา
- ราคาล่องเรือปกติ 1,000 เยน
- Mt.fuji pass : ล่องเรือฟรี
Fujiyama Barzaar
ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบยามานากะโกะ คือฟูจิยาม่า บาร์ซ่าร์ เป็นที่ที่มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ของฝาก และจุดจำหน่ายตั๋ว KABA BUS รถสะเทินน้ำสะเทินบกที่จะพาเราวิ่งวนเข้าป่า แล้วจะกลายร่างเป็นเรือลงทะเลสาบ 1 รอบใช้เวลาประมาณ 30 นาที ที่สำคัญมีเครื่องแปลงภาษาเวลาไกด์บรรยาย ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยนะ
เวลาให้บริการ
จ.-ศ. 10:00-17:00 / ส.-อา. 9:30-17:00
ราคา
ผู้ใหญ่ 2,200 เยน / เด็ก 1,100 เยน
Oshino Hakkai
หมู่บ้านน้ำใส เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางธรรมชาติ พื้นที่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ มีบ่อน้ำใสทั้งหมด 8 บ่อ ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิช่วงฤดูร้อน ไหลผ่านหิน ลาวา และแร่ธาตุต่างๆ หล่อหลอมกลายเป็นน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาที่อยู่ตรงหน้า
คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าที่นี่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากใครดื่มแล้วจะทำให้มีอายุยืนยาว และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราก็สามารถวักน้ำขึ้นมาดื่มตามจุดบริการได้เลย หรือจะเอาขวดมากรอกน้ำกลับบ้านก็ได้ ถ้าไม่ได้พกขวดมา ก็สามารถซื้อขวดเปล่าจากร้านค้าได้เช่นกัน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสป้าย Yamanakako Asahigaoka – ป้าย Oshino Hakkai
เวลาให้บริการ
เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
Oshino Shinobi no Sato
หมู่บ้านนินจา โอชิโนะ ชิโนะบิ โนะ ซาโตะ แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ที่ให้เราได้แปลงร่างเป็นนินจาสาวสมใจ อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านน้ำใส
ภายในรั้วหมู่บ้านแห่งนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ด้วยกันคือ โซนร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ใครไปต้องห้ามพลาดกับเมนูเด็ดของเหล่านินจาอย่าง Shinobi Black Curry หรือ ข้าวแกงกะหรี่สีดำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยจนลืมผอมไปเลย
และโซนนี้ยังมีโชว์การแสดงจากพ่อหนุ่มนินจาหน้ามน โดยหนึ่งวันจะมีโชว์ 4 รอบ รอบละประมาณ 15 นาที
โซนที่สอง เป็นสวนญี่ปุ่นขนาดย่อม ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่ก็จะถูกโอบล้อมไปด้วยต้นซากุระสีชมพูสวยงาม มีบ่อแช่ออนเซ็นเท้าและคาเฟ่แบบญี่ปุ่นโบราณด้วย
แช่ออนเซ็นเท้าแก้หนาว พลางชมวิวภูเขาไฟฟูจิ
โซนที่สาม เป็นบ้านกลนินจา ด้านนอกดูเป็นกระท่อมธรรมดาๆ แต่ด้านในขอบอกว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพราะเราต้องทำภารกิจตามหาประตูลับ และล่าดาบสมบัติที่ถูกซ่อนไว้ และยังมีฐานดาวกระจายที่จะปลุกความเป็นนินจาในตัวคุณ
มองเผินๆ นึกว่าจะง่าย ที่ไหนได้ ขว้างที ดาวกระจายไม่เคยปักกำแพงเลย แอบยากไม่ใช่เล่น ใครคิดว่าตัวเองมีของ ก็ลองมาขว้างดาวกระจายเล่นดู ลุ้นชิงรางวัลใหญ่เป็นเกมส์ PS4 เชียวนะ
มีโอกาสได้ใส่ชุดนินจาทั้งทีแล้วก็ขอเนียนๆ ถ่ายรูปกับเหล่านินจาตัวจริงซะหน่อย
เวลาทำการ
9:00-17:00 (รอบสุดท้าย 16:30)
วิธีการเดินทาง
ลงรถบัสป้าย Oshino Shinobi no Sato
ราคา
-ราคาค่าเข้าปกติ 1,300 เยน - 1,800 เยน
Fujiyoshida Senken Shrine
ศาลเจ้าฟูจิโยดะเซนเกน อายุนับ 1,000 ปี ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ ห่างจากถนนสายหลัก เมื่อก่อนศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการปีนภูเขาไฟฟูจิ แต่ปัจจุบันนักปีนเขาส่วนใหญ่หันไปเริ่มปีนจากฟูจิโนะมิยะ สถานีชั้นที่ 5
ทางเข้าที่ดูมีมนต์ขลังด้วยโคมไฟหินเรียงรายอยู่คู่กับแนวต้นสนสูงใหญ่
วิธีการเดินทาง
ลงรถบัสป้าย Senken Jinjya Mae
Highland Resort Hotel & Spa
แน่นอนว่าสวนสนุกฟูจิคิวไฮท์แลนด์ คือไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในทริปนี้ เราเลยเลือกนอนโรงแรมใกล้ๆ เพื่อพรุ่งนี้เราจะได้ออกไปท้าความเสียวแบบไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เพราะใครที่พักโรงแรมนี้ จะได้อภิสิทธิ์พิเศษเข้าไปต่อคิวเล่นเครื่องเล่นก่อนใคร
ที่ Highland Resort แม้จะไม่ใช่โรงแรมเรียวกัง สไตล์ญี่ปุ่นจ๋า แต่ก็มีทั้งวิวภูเขาไฟฟูจิให้เห็นกันเต็มอิ่มจากหน้าต่างห้องนอน แถมมีออนเซ็นธรรมชาติวิวภูเขาไฟฟูจิสุดฟินให้นอนแช่คลายความเหนื่อยล้า และห้องอาหารอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน หรืออาหารฝรั่งเศส แต่ทีเด็ดมันอยู่ที่บุฟเฟ่ต์ขาปูมื้อเย็นนี้แหละ
ห้องอาหารก็จะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิสวยๆ ชัดๆ ประมาณนี้
วิธีการเดินทาง
นั่ง Shuttle Bus จากสถานี Kawaguchiko
เว็บไซต์โรงแรม : https://www.highlandresort.co.jp/lp/en/
Day2
Fujikyu Highland
ฟูจิคิวไฮท์แลนด์ สวนสนุกที่รวบรวมเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวติดอันดับโลกไว้หลายเครื่อง เราตื่นเช้าพร้อมกับเอเนอร์จี้ล้มหลาม ไปต่อคิวเล่นตั้งแต่ 9 โมง (ก่อนเวลาสวนสนุกเปิด 30 นาที) ความเสียวกรีดหัวใจของรถไฟเหาะเหล่านี้ ทำให้เราตื่นเต้นจนลืมความหนาวหน้าชาอุณหภูมิ -8 ไปเลย
Takabisha รถไฟเหาะที่ชันที่สุดในโลก โดยมีความชันถึง 121 องศา
ขอจัดเต็มตั้งแต่เครื่องเล่นอันแรกอย่าง Do・DoDonpa ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ให้เร็ว แรง ทะลุสเปซกว่าเดิมด้วยความเร็วที่ 180 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง หลังจากออกตัวเพียง 1.56 วินาที เรียกได้ว่ากลีบปากเผยอ เหงือกบินกันเป็นแถว
และเครื่องเล่นระดับตำนานอย่าง โรงพยาบาลผีสิง ก็ได้ปรับโฉมใหม่ พร้อมที่จะทำให้เราหัวใจวายยิ่งขึ้นด้วยบรรยากาศหลอนคูณสองเช่นกัน
ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน พยาบาลเลือดอาบจะมาเปิดคลิปสยองที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของที่นี่ ก่อนจะยื่นไฟฉาย และให้เราไปผจญอยู่ในโรงพยาบาลหลอนสองชั้น ที่มีระยะทางกว่า 900 เมตร
ทุกอย่างคือทั้งมืด ทั้งเย็น เสียงลมหายใจ เสียงแปลกๆ คอยบิ้วท์เราอยู่เป็นระยะๆ ยิ่งเดินลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่ากลัว เพราะผีที่นี่ไม่ยอมให้เราได้พักหายใจกันจริงๆ เล่นมากันทุกทิศทุกทางแบบนี้ใจจะวายเจ้าค่ะ
ฟูจิคิวไฮท์แลนด์ก็มีมุมมุ้งมิ้งให้สาวๆ มานั่งจิบกาแฟ ทานขนมหวาน ในบรรยากาศกรุงปารีสแต่วิวภูเขาไฟฟูจิ ที่ดินแดน La ville de Gaspard et Lisa
ร้าน Les Rêves Salon de Thé
เวลาทำการ
9:00-17:00 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
วิธีการเดินทาง
ลงสถานี Fujikyu Highland
ราคา
-ราคาค่าเข้าปกติ 1,500 เยน / ฟรีพาส 5,700 เยน
-Mt.Fuji Pass : เข้าสวนสนุกฟรี + เครื่องเล่น 1 รายการ
Fujiyama Museum
ดื่มด่ำกับความสวยงามของภาพวาดภูเขาไฟฟูจิที่รังสรรค์โดยศิลปินชื่อดัง
เวลาทำการ
10:00-17:30
วันหยุดนักขัตฤกษ์ 9:00-20:30
ราคา
-ราคาค่าเข้าปกติ 1,000 เยน
Kawaguchiko “En Soleil”
ล่องเรือสำราญ ชมความงามรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ โดยมีฟูจิซังที่มีหิมะขาวปกคลุมบนยอด ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ถ้าวันไหนอากาศดี แนะนำให้ขึ้นไปนั่งรับลมโกรกบนชั้น 2
เรือออกทุกๆ 30 นาที
เวลาทำการ
9:30-16:00
วิธีการเดินทาง
ลงสถานี Kawaguchiko
ราคา
-ราคาล่องเรือปกติ 940 เยน
-Mt.Fuji Pass : ล่องเรือฟรี
KachiKachi Ropeway
ลอยกลางอากาศไปกับกระเช้าลอยฟ้า ขึ้นเขาเท็นโจเพียง 3 นาที ชมวิวพาโนราม่าของทะเลสาบคาวากูจิโกะที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ และภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปีนเขาที่ใช้ระยะเวลา 40 นาทีเพื่อไปยังอุทยานภูเขาเท็นโจที่ตั้งอยู่บนยอดเขาด้วย
มาถึงที่นี่แล้ว ต้องอย่าลืมไปขว้างคาวาราเกะ Kawarake-nage เสี่ยงทาย (Lucky Kawarake : Kawarake Throwing) เป็นการขว้างจานดินเหนียวขนาดเล็กเพื่อเสี่ยงทายและขอพร ว่ากันว่าใครที่ขว้างจานได้ข้ามห่วงจะสมหวังในความรัก
เวลาทำการ
9:00-17:00 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
วิธีการเดินทาง
ลงสถานี Kawaguchiko
ราคา
-ราคาค่าขึ้นปกติ 800 เยน
-Mt.Fuji Pass : ขึ้นกระเช้าฟรี
ด้านล่างก่อนขึ้นกระเช้า บอกใบ้ให้ว่ามีฟุจิยาม่าคุกกี้รสชาเอิร์ลเกรย์คืออร่อย10 10 10 มาแล้วไม่ซื้อ ถือว่ามาไม่ถึงนะ
ราคาจำหน่าย Mt. Fuji Pass
ตั๋วประเภท 1 วัน : ผู้ใหญ่ 5,500 เยน / เด็ก 2,750 บาท
ตั๋วประเภท 2 วัน : ผู้ใหญ่ 8,000 เยน / เด็ก 4,000 บาท
ตั๋วประเภท 3 วัน : ผู้ใหญ่ 10,000 เยน / เด็ก 5,000 บาท