Movie Review : รีวิว Tonight at Romance Theater รักเรา…จะพบกัน

Wani91

ผู้เขียนลองสังเกตภาพยนตร์ ละคร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลายๆ เรื่อง จะเป็นเรื่องราวความรักของพระนางที่มาพบกันอย่างเหนือจริง ไม่ว่าจะทะลุมิติจากยุคปัจจุบันไปสู่ยุคโบราณ ยุคโบราณข้ามไปยุคปัจจุบัน หรือแม้แต่โลกการ์ตูนวาร์ปมาโลกความเป็นจริง ราวกับว่าการสะดุดรักแบบธรรมดาของคนเราเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ไม่ว้าวไปเสียอย่างนั้น

ภาพยนตร์เรื่องที่ผู้เขียนกำลังจะรีวิวนี้ ไปสอดรับกับเทรนด์ที่ว่าไว้ข้างต้น ต่างที่ว่าการข้ามมิติครั้งนี้จากโลกภาพยนตร์ขาวดำบนจอหนังมาสู่โลกความเป็นจริง

Tonight at Romance Theater หรือ รักเรา...จะพบกัน ภาพยนตร์ญี่ปุ่นโรแมนติกแฟนตาซียุค 60 ช่วงเปลี่ยนผ่านจากจอหนังสู่จอแก้ว ผลงานการกำกับของ “ฮิเดกิ ทาเคอุชิ”เป็นเรื่องราวของ เคนจิ (ซาคากุจิ เคนทาโร) เด็กหนุ่มผู้ใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ในโลกการทำงานที่แสนวุ่นวาย สิ่งหนึ่งที่คอยเยียวยาจิตใจเขาคือ เจ้าหญิงมิยูกิ (ฮารุกะ อายาเสะ) นางเอกภาพยนตร์ขาวดำที่เขาดูซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อ ในโรงภาพยนตร์ “Romance Theater” กระทั่งวันหนึ่ง ฟ้าผ่าลงมาในโรงภาพยนตร์นั้น เจ้าหญิงมิยูกิหลุดออกมาจากโลกภาพยนตร์สู่โลกความเป็นจริง โดยที่ร่างกายของเธอเป็นสีขาวดำ

เมื่อนางในฝันปรากฏตัวต่อหน้า อีกทั้งยังมีร่างกายเป็นสีขาวดำ เคนจิ จึงทำหน้าที่คอยดูแลไม่ขาด สอนเจ้าหญิงมิยูกิให้รู้จักสิ่งต่าง ๆ รอบตัวบนโลกความเป็นจริง  และสีสัน (สะท้อนภาพจากชุดที่เจ้าหญิงมิยูกิสวมใส่ เอาเป็นว่านางเอกสวยได้ทุกวันจริงๆ ค่ะ : ผู้เขียน) ในที่สุดร่างกายเจ้าหญิงมิยูกิก็มีสีสัน ความผูกพันก่อให้เกิดความรัก และความลับก็ไม่มีในโลก เพราะการมาของเธอนั้นมีเงื่อนไขว่า ถ้าหากเธอสัมผัสใคร เธอจะหายไปตลอดกาล ความรักที่ไม่สามารถแตะต้องตัวคนที่เรารักได้ รักครั้งนี้จะเป็นอย่างไรล่ะ

บท “เคนจิ” ได้นักแสดงดาวรุ่งอย่าง ซาคากุจิ เคนทาโร - Kentaro Sakaguchi ที่เคยฝากผลงาน เรื่อง “ย้อนรัก 100 ครั้งก็ยังเป็นเธอ” (The 100th Love with You : 2016) โคจรพบกับ ฮารุกะ อายาเสะ - Haruka Ayase อีกครั้งหลังจาก เรื่อง “เพราะเราพี่น้องกัน” (Our Little Sister : 2015) ในบท “เจ้าหญิงอายูมิ” นางเอกเจ้าบทบาทที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอจากภาพยนตร์ เรื่อง “ยัยนี่...น่ารักจัง” (Cyborg She : 2008)

แต่สำหรับตัวจี๊ดในสายตาผู้เขียนกลับไม่ใช่พระนาง แต่เป็น คาซึกิ คิตามูระ - Kazuki Kitamura นักแสดงญี่ปุ่นมือเก๋า ในบท “ริวโนซึเกะ ชุนโด” พระเอกภาพยนตร์ชื่อดัง ที่ถึงแม้จะปรากฏตัวเพียงไม่กี่ฉาก แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวทำให้หนังกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น นอกจากองค์รวมทั้งหมด อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ผู้เขียนชอบก็คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ 奇跡 (Kiseki) “ ปาฏิหาริย์” ที่ได้นักร้องสาวเสียงดีอย่าง Che’Nelle มาถ่ายทอด เพลงจะเพราะขนาดไหนลองฟังจากลิงก์ข้างล่างเลยค่ะ

ถึงแม้จะเป็นหนังพล็อตเดิม ๆ ที่พอเดาเรื่องได้แต่ไม่จำเจ เงื่อนไขที่วางไว้อาจจะดูเกินจริง แต่ก็สมเหตุสมผล … ผู้เขียนอยากให้ทุกคนติดตามบทสรุปด้วยตัวเองในภาพยนตร์

3 พฤษภาคมนี้ ถ้าคุณเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ เรื่องนี้จะทำให้คุณสัมผัสได้ว่า ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือสิ่งที่วางแผนและตั้งใจเอาไว้แล้ว

★★★★★

รีวิวหนัง Tonight at Romance Theater โรงหนัง ปาฏิหาริย์ ความรัก

NokCyber

หากมองแค่หน้าหนัง Tonight at Romance Theater ดูจะเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีคอมเมดี้ธรรมดา กับเนื้อหาที่ตัวละครจากหนังหลุดออกมาสู่โลกแห่งความจริง แล้วก็มาพบกับเรื่องวุ่นๆ ทำอะไรเปิ่นๆ ในตอนที่ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอก พล็อตดาษดื่นยอดนิยม แนวข้ามภพข้ามชาติข้ามเวลา คล้ายๆ บุพเพสันนิวาส หรือ ทวิภพ ของบ้านเรา ส่วนตัวเลยมองว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ

ทว่าเมื่อดูหนังจบแล้ว ต้องยอมรับว่าคิดผิดไปหลายอย่าง ข้อแรกเลยคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แนวแฟนตาซีคอมเมดี้ แต่เป็นโรแมนติกดราม่าที่มีความแฟนตาซีเป็นองค์ประกอบ ผู้กำกับ ฮิเดกิ ทาเคอุชิ สามารถเชื่อมโยงโลกภาพยนตร์เข้ากับโลกความเป็นจริงได้น่าประทับใจ หนังแฝงสัญลักษณ์หลายอย่าง อาทิ การแบ่งโลกในหนังกับโลกความจริงด้วยภาพขาวดำกับภาพสี การเปรียบเปรยหนังกับชีวิตจริง และความรักต่างชนชั้น

ต้องชื่นชม เคสุเกะ อุยามะ คนเขียนบทหนัง เขาจะใช้ความเป็นตัวประหลาดผิวสีขาวดำของ เจ้าหญิงมิยูกิ ที่รับบทโดย ฮารุกะ อายาเสะ มาเป็นประโยชน์ในการสร้างฉากสนุกๆ ขำๆ มากกว่านี้ก็ได้ แต่เคสุเกะ กลับรีบหาทางแก้ปัญหาให้เธออย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะเดินเรื่องต่อไปสู่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั่นก็คือความสัมพันธ์ของ เคนจิ ผู้ช่วยผู้กำกับหนุ่มไฟแรงที่แสดงโดย เคนทาโร่ ซากาคุจิ กับ เจ้าหญิงมิยูกิ นางในฝันของเขา

สีสันในหนังก็ดูมีความสวยงามโดดเด่นมาก แตกต่างจากหนังญี่ปุ่นทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะเลือกใช้โทนสีอุ่นๆ แต่เรื่องนี้จะนำเสนอสีต่างๆ ออกมาได้ค่อนข้างจัดจ้าน เพราะตัวละครเอกฝ่ายหญิงอยู่ในโลกขาวดำมานาน จึงตื่นตาตื่นใจกับเรื่องของสีสัน

ทั้งนี้ นอกจากความรักของ เจ้าหญิงมิยูกิ กับ เคนจิ จะมีอุปสรรคในเรื่องรักสามเส้าเราสามคนกับลูกสาวเจ้าของค่ายหนังที่แอบชอบ เคนจิ แล้ว สิ่งที่ซับซ้อนกว่านั้นคือ ความรักของคู่พระนางยังมีอุปสรรคในตัวเอง เพราะทั้งสองคนไม่อาจสัมผัสตัวกันได้ เงื่อนไขนี่เข้ากันมากกับสังคมญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่แทบจะไม่สนใจเรื่องทางเพศเลย

การดำเนินเรื่องก็น่าสนใจ เนื่องจากไทม์ไลน์ของหนังสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ทำให้เราคาดเดาไม่ได้เลยว่าตอนจบของภาพยนตร์จะเป็นอย่างไร อยากให้คนดูลุ้นให้มีปาฏิหาริย์ช่วยให้ เจ้าหญิงมิยูกิ กับ เคนจิ ได้ครองคู่สมหวังกันจนจบ

แม้ว่าหนังอาจจะแฟนตาซีเกินไปนิด ไม่ได้ลงละเอียดหลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับตัวมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงของ เจ้าหญิงมิยูกิ ที่ไม่มีการลงลึกเท่าไหร่ อาทิ เธอกินอะไร นอนยังไง เอาเสื้อผ้าที่ไหนมาใส่ แต่ประเด็นความรักโรแมนติกของหนังก็แข็งแรงพอที่จะทำให้ผู้ชมมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป

บทหนังดี มีเซอร์ไพรส์คนดูยันนาทีสุดท้าย นักแสดงในเรื่องเล่นได้ยอดเยี่ยมทุกคน เมื่อดูจบคุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมผู้กำกับถึงแคสต์ เคนทาโร่ ซากาคุจิ นักแสดงหนุ่มที่อายุน้อยกว่า ฮารุกะ อายาเสะ นางเอกสาวมากความสามารถ และจับทั้งสองคนมาประกบคู่กัน ซึ่งก็ต้องบอกว่า เคมีของคู่นี้เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว

ส่วนนักแสดงที่แอบขโมยซีนได้แก่ คิตามูระ คาซูกิ ดาราหนุ่มรุ่นใหญ่ที่รับบทเป็น ริวโนะสุเกะ พระเอกหนังขี้เก๊ก ซึ่งเรียกเสียงฮาได้แทบทุกครั้งที่ปรากฏตัว ขณะที่ ซึบาสะ ฮอนดะ นักแสดงสาวสุดฮ็อตที่เล่นเป็น โทโกะ ลูกสาวเจ้าของค่ายหนังก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้มีพลังจนหลายคนอดสงสารเธอไม่ได้ และ อากิระ เอโมโตะ นักแสดงอาวุโสที่รับบท ฮอนดะ เจ้าของโรงหนังก็สร้างสีสันให้กับหนังได้ดีเช่นกัน

อีกข้อที่อยากพูดถึงคือภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับคนรักภาพยนตร์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ หนัง ม้วนฟิล์ม โรงหนัง ส่วนบรรยากาศ โลเคชั่นที่ถ่ายทำในกองถ่ายภาพยนตร์จริงๆ มีอุปกรณ์ประกอบฉากเก่าแก่โบราณหายากมากมาย ก็น่าจะถูกใจบรรดาคอภาพยนตร์และคนในวงการหนัง