Let Me Eat Your Pancreas หรือชื่อญี่ปุ่น Kimi no Suizo wo Tabetai เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนิยายไลท์โนเวล (นิยายในอินเทอร์เน็ต) ของนักเขียนมากฝีมือ สุมิโนะ โยรุ จุดเด่นของ คิมิโน ซุยโซ โว ทาเบตัย อย่างแรกที่สะดุดใจทุกคนคือชื่อเรื่อง เพราะมันแปลได้ว่า ฉันอยากกินตับอ่อนเธอ ซึ่งแน่นอนว่าสร้างความสนใจได้อย่างดี หลายคนอ่านนิยายเนื่องจากอยากรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร ก่อนที่จะเสียนํ้าตาให้กับเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกที่มาในชื่อแนวประหลาดปนสยอง
ต่อมา Kimi no Suizo wo Tabetai ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือในชื่อเดียวกัน ทำยอดขายไปได้กว่า 2.6 ล้านเล่ม จากกระแสความนิยมอย่างสูง จึงถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์และอนิเมชั่น ฉบับหนังใช้คนแสดงออกฉายในปี 2017 กำกับโดย ทสึคิคาวะ โช จาก The 100th Love With You ส่วนผู้รับหน้าที่แปลงตัวหนังสือออกมาเป็นบทภาพยนตร์คือ โยชิดะ โทโมโกะ จาก Tomorrow I Will Date With Yesterday's You ขณะที่นักแสดงได้ ฮามาเบะ มินามิ นักแสดงสาวจาก Ajin มาประกบคู่กับ คิตามูระ ทาคุมิ จาก Dive!! นักแสดงหนุ่มที่ขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก ร่วมด้วย โอกุริ ชุน จาก Gintama
Let Me Eat Your Pancreas มีชื่อไทยว่า ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ ว่าด้วยเรื่องราวของ ยามากูจิ ซากุระ สาวสวยขวัญใจหนุ่ม ๆ ในโรงเรียนมัธยม และ เด็กหนุ่มหนอนหนังสือผู้ไม่สนใจโลก ทั้งคู่เป็นคณะกรรมการห้องสมุด ซากุระ มีนิสัยชอบเขียนบันทึก แล้วนำไปวางซ่อนไว้ตามชั้นหนังสือ วันหนึ่งเด็กหนุ่มเจอสมุดบันทึกที่เขียนว่า ฉันกำลังจะตายในไม่กี่ปีต่อจากนี้ เขาสืบจนรู้ว่าซากุระป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ หลังจากนั้น เขาก็ใช้เวลาทั้งหมด อยู่กับเธอ จนเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล 12 ปีต่อมา เขาได้กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเก่า และรับหน้าที่ดูแลห้องสมุด ที่นั่นเขาพบความลับบางอย่าง ความลับของหญิงสาวที่อยู่ในหัวใจของเขามาตลอด 12 ปี ความลับที่ถูกซ่อนอยู่ในหนังสือ
ตัวหนังมีพล็อตที่ยอดเยี่ยมชวนติดตามอยู่แล้ว ซึ่งการแปลงมาเป็นบทภาพยนตร์ก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้ว่าหน้าหนัง ตัวอย่าง เรื่องย่อ จะทำให้ผู้ชมพอจะคาดเดาทิศทางของเรื่องได้บ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ผู้กำกับเก็บความลับเก่ง เมื่อเข้าไปดูจริงๆจะพบว่ามีหลายฉากที่เซอร์ไพรส์คนดู โดยเฉพาะช่วงท้ายของหนัง ซึ่งเนื้อหามีกลิ่นอายของภาพยนตร์รักขึ้นหิ้งของญี่ปุ่นอย่าง Love Letter กับโลเคชั่นในห้องสมุด และ Be With You กับการผูกโยงเรื่องเข้ากับฤดูกาล
พาร์ทโรแมนติกชวนคนดูอมยิ้มไปกับความรักของหนุ่มสาวแบบป็อปปี้เลิฟ ส่วนพาร์ทดราม่าทำให้ผู้ชมนํ้าตาซึมเป็นระยะ แต่กับตอนจบสุดหักมุม หลายคนที่ใจไม่แข็งอาจถึงขั้นปล่อยโฮ หนังให้กำลังใจสำหรับผู้ที่กำลังเจ็บป่วยว่า ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตหดหู่รอวันตาย แต่สามารถมีชีวิตที่สดใส ลงมือทำสิ่งที่อยากทำ ใช้เวลาให้คุ้มค่าทุกวินาทีกับคนที่คุณอยากแชร์ความทรงจำด้วย บางทีภาพยนตร์เรื่องนี้อาจทำให้ใครหลายคนกล้าที่จะพูดบางความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมาก่อนที่เวลาจะผ่านไปก็ได้ เหมือนกับคำโปรยของหนังที่ว่า บางคำสารภาพรัก ต้องรอนานนับ 12 ปี
ฮามาเบะ มินามิ โดดเด่นที่สุดในเรื่อง เธอน่ารักและมีเสน่ห์ในทุกซีนที่ปรากฏตัว ส่วนรอยยิ้มพิมพ์ใจน่าจะขโมยหัวใจผู้ชมหนุ่มๆไปไม่น้อย บทหนังค่อนข้างส่งเธอเพราะเน้นมุมมองจากฝั่งผู้หญิง ด้าน คิตามูระ ทาคุมิ ไอดอลหนุ่มที่ผันตัวมาเป็นนักแสดง ถึงจะไม่ได้ฉายแววความหล่อเท่าไหร่ แต่บุคลิกนิ่งๆ แข็งๆ ก็เหมาะกับตัวละครในเรื่องดี
สามารถจัดให้ Let Me Eat Your Pancreas เป็นหนังรักโรแมนติกดราม่าวัยเรียนที่ดีงาม เทียบเท่า Crying Out Love in the Center of the World, Midnight Sun, Sky Of Love และ I Give My First Love To You ในฐานะภาพยนตร์ตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์ ที่แม้จะมีใครคนหนึ่งจากไปด้วยอะไรก็ตาม แต่เธอหรือเขาจะคงอยู่ในหัวใจไปตลอดกาล
และหากดู Let Me Eat Your Pancreas ฉบับคนแสดงจบแล้ว ขอแนะนำ I Want to Eat Your Pancreas เพราะหัวใจใกล้ตับอ่อน ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่จะเรียกน้ำตาและมอบความอบอุ่นให้แก่ผู้ชม ผลงานการกำกับของ อุชิจิมะ ชินอิจิโร่ นำทีมให้เสียงพากย์โดยนักแสดงหนุ่มหล่อ ทากาสุงิ มาฮิโระ และนักพากย์สาวเสียงหวาน ลินน์ หนังเข้าฉาย 20 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ Let Me Eat Your Pancreas 君の膵臓をたべたい
ผู้กำกับ : ทสึคิคาวะ โช : Tsukikawa Sho (月川翔)
นักแสดง : ฮามาเบะ มินามิ : Hamabe Minami (浜辺美波), คิตามูระ ทาคุมิ : Kitamura Takumi (北村 匠海), โอกุริ ชุน : Oguri Shun (小栗旬)