ในขณะที่ #MeToo กลายเป็นหนึ่งปรากฏการณ์บนโซเชียลมีเดียและทำให้ทั่วโลกตื่นตัวในเรื่องกระแสที่ผู้หญิงถูกคุกคามทางเพศมาแล้ว ซึ่งมีฟีดแบคอย่างร้อนแรงโดยเฉพาะเกาหลีใต้และจีน ทางฝั่งของญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเช่นกันแต่ครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวในแคมเปญที่มีชื่อว่า #KuToo ที่มีการเรียกร้องให้บริษัทเลิกบังคับให้ผู้หญิงใส่ส้นสูงมาทำงาน
KuToo นั้นเป็นคำที่เกิดมาจากคำว่า Kutsu (靴) ที่แปลว่ารองเท้ากับ Kutsuu (苦痛) ที่แปลว่าความเจ็บปวด โดยผู้เริ่มจุดกระแสในครั้งนี้คือ ยูมิ อิชิกาวะ นางแบบและนักแสดง ได้แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์และมีผู้เห็นด้วยกับเธอมากมายจนนำไปสู่ให้เกิดการเคลื่อนไหวผ่านทาง change.org ที่เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการประเทศญี่ปุ่นยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าว และล่าสุดคำร้องของเธอได้มีผู้ลงชื่อสนับสนุนถึง 14,000 รายชื่อ
ซึ่งก่อนหน้านี้ส้นสูงได้กลายเป็นประเด็นมาแล้ว จนถึงขนาดที่ว่ามีดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งออกแบบรองเท้าส้นสูงที่ทั้งใส่สบายและยังทันสมัยด้วยการติดสปริงเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้แคมเปญยังจุดประกายให้ผู้หญิงหลายคนเริ่มโพสต์รูปถ่ายของรอยฟกช้ำและแผลที่นิ้วเท้าที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้เขียนว่า “ฉันต้องการให้สังคมนี้เป็นสังคมที่ให้ผู้คนมีอิสระในการสวมใส่รองเท้าที่พวกเขาชอบ” ซึ่งการที่ผู้หญิงต้องสวมรองเท้าส้นสูงนั้นไม่ต่างจากการที่ผู้ชายต้องใส่รองเท้าหนังเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้สำหรับญี่ปุ่นอาจใช้เวลาที่ยาวนานกว่าประเทศทางแถบตะวันตกที่ตระหนักในเรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในที่ทำงานมากกว่า และยังมองว่าการไม่ใส่รองเท้าส้นสูงจะดูไม่สุภาพเมื่อปฏิบัติงาน แต่อย่างไรก็ตามเราจะเห็นได้ว่าแคมเปญนี้มีผู้หญิงส่วนมากให้การสนับสนุนไม่น้อยเลยทีเดียว
