(初恋 お父さん、チビがいなくなりました : Only The Cat Knows)
การตามหาเจ้าแมวสีดำและความรักที่หายไป
มากกว่าตามหาเจ้าแมวเหมียว คือการตามหาความรักที่หล่นหายไป
เพราะกาลเวลาและความไม่เข้าใจที่เรื้อรัง กลายเป็นบาดแผลทางความรู้สึก
เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ? (初恋 お父さん、チビがいなくなりました : Only The Cat Knows) เป็นภาพยนตร์สร้างจากมังงะชื่อเดียวกันและได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ วัย 30 ปีขึ้นไป ด้วยฝีมือของอาจารย์นิชิ เคย์โกะ (Nishi Keiko) ตีพิมพ์ช่วงปี 2013-2015 ในนิตยสาร “Zoukan Flowers” และได้ตีพิมพ์รวมเล่ม 1 เล่มจบ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย โชทาโร โคบายาชิ (Shotaro Kobayashi)
สำหรับนักแสดงนำ เป็นการโคจรพบกันในรอบกว่า 28 ปี ของฟูจิ ทัตสึยะ (Fuji Tatsuya) และไบโช จิเอโกะ (Baisho Chieko) ผู้ที่เป็นเพื่อนบ้านกันในชีวิตจริง อิชิคาวะ มิคาโกะ (Mikako Ichikawa) นักแสดงสาว ที่ชาวไทยน่าจะรู้จักเธอจากภาพยนตร์ชิน ก็อดซิลล่า (Shin Godzilla / 2016) และกับดักฆาตกรรม ครั้งที่ 3 (The Third Murder / 2017) แต่สำหรับผู้เขียนรู้จักเธอจากบทซายาโกะ สาวโสดเจ้าของกิจการบริการเช่าแมว จากภาพยนตร์เรื่องแมวเช่าอลเวง (Rent-a-cat / 2012)
เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ? เป็นเรื่องราวของ มาซารุ (ฟูจิ ทัตสึยะ : Fuji Tatsuya) และ ยูกิโกะ (ไบโช จิเอโกะ : Baisho Chieko) สองสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนานกว่า 44 ปี ลูก ๆ ทั้ง 3 คนของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง ทั้งคู่ได้เลี้ยงแมวดำไว้หนึ่งตัวชื่อว่า จิบิ (ริงโกะ : Ringo) มาซารุ คือผู้ชายเย็นชาตามสูตรซึนเดเระ ทำให้ยูกิโกะรู้สึกอึดอัดใจและเบื่อหน่ายกับท่าทีของสามี เจ้าจิบิจึงเป็นที่พึ่งทางใจเดียวที่มีอยู่ วันหนึ่งยูกิโกะตัดสินใจบอกกับนาโอโกะ ลูกสาวคนเล็ก (อิชิคาวะ มิคาโกะ : Ichikawa Mikako) ของเธอว่าต้องการจะหย่ากับมาซารุ ในคืนนั้นเองเจ้าจิบิก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปฏิบัติการตามหาการตามหาเจ้าแมวสีดำและความรักที่หายไปจึงเกิดขึ้น
เนื้อหาต่อไปนี้มีการสปอยล์
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือการแสดงอย่างเป็นธรรมชาติที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อว่าแต่ละตัวละครนั้นเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ภาพยนตร์ตัดสลับด้วยฉากและอารมณ์ ฉากอดีตและปัจจุบันของมาซารุและยูกิโกะที่มาได้อย่างลงตัว อารมณ์ของภาพยนตร์ที่ไปได้สุดในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นดราม่า ตลก และการหักมุม ที่ทำให้ทุกคนได้ยิ้มทั้งน้ำตาแน่นอน
ภาพยนตร์เล่นประเด็นความรักที่จืดชืดตามกาลเวลาของผู้อาวุโสที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างยาวนาน สิ่งสำคัญที่จะประคับประคองความรักอันมีค่าให้ถึงวันสุดท้ายของชีวิตนั้น ภาพยนตร์เลือกนำพาเราไปสู่คำตอบ“การพูดความจริงในใจออกมา” การปกปิดไม่ทำให้ปัญหาถูกแก้ไข แต่กลับเป็นการทับถมและพอกพูนให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และ “คอยรับฟังทุกข์สุขของคนข้าง ๆ” ถึงแม้ผู้เขียนจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างในหลาย ๆ ฉาก แต่ก็เป็นความอึดอัดที่พร้อมจะเอาใจช่วยให้สมหวัง
อีกทั้งประเด็นทางสังคมเรื่องการแต่งงาน ที่ผู้เขียนเชื่อว่าโลกของเรากำลังเกิดปรากฏการณ์อัตราการแต่งงาน มีบุตรของประชากรโลกต่ำลงเรื่อย ๆ ภาพยนตร์ได้ตั้งคำถามว่า “ถ้าไม่แต่งงาน แก่ตัวไปใครจะดูแล คงจะอยู่โดดเดี่ยวแบบเหงา ๆ” รวมถึงบทบาททางเพศในวิถีคิดแบบเอเชีย ผู้หญิงต้องทำหน้าที่แม่และเมียที่ดี ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน ดูแลลูกและสามีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ท่ามกลางแนวคิดกดทับเช่นนั้น คำถามแรกก็ถูกท้าทายเพิ่มด้วยการขยายความ “ถ้าไม่แต่งงาน แก่ตัวไปใครจะดูแล คงจะอยู่โดดเดี่ยวแบบเหงา ๆ แต่บางคนก็เหงา ทั้ง ๆ ที่แต่งงานแล้ว” แต่ยอมรับว่าภาพยนตร์หาทางลงแบบทุ่งลาเวนเดอร์ได้ดี ผู้เขียนมีน้ำตาซึมเล็กน้อย
การตามหาตัวเจ้าเหมียวจิบิให้ใช้หัวใจมองหา หากใช้เพียงสายตาก็คงไม่มีทางเจอ ความรักก็เช่นกัน…ร่วมมาตามหาเจ้าแมวเหมียวและความรักด้วยกัน วันที่ 15 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์
อ้างอิง : Sahamongkolfilm.com, Asianwiki.com