โอ้วแม่เจ้า !!! อะไรจะกดดันกันปานนั้น นักเรียนญี่ปุ่นต้องยอมให้อาจารย์มาควบคุมพฤติกรรมบนโลกโซเชียลของพวกเขาด้วย

ใครจะไปเชื่อว่าคุณครูจากโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นจะเข้มงวดสุด ๆ จนถึงขั้นออกปากว่า ถ้าเธอไม่ยอมให้ทางโรงเรียนสอดส่องพฤติกรรมของเธอบนโลกออนไลน์แล้วล่ะก็ งั้นก็เตรียมลาออกจากโรงเรียนไปได้เลย

หลังจากเปิดเทอมใหม่เด็ก ๆ ญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยก็ต้องเจออะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ชุดใหม่ คุณครูคนใหม่ ตลอดจนเพื่อนใหม่ แต่คงไม่มีเด็กนักเรียนญี่ปุ่นคนไหนรู้สึกแย่ไปกว่าผู้ใช้งาน Twitter ที่มีชื่อว่า @asanansonsi ที่ออกมาโพสต์เรื่องราวชวนปวดหัวให้กับเพื่อน ๆ ในโลกออนไลน์ได้ฟังอย่างแน่นอน

โดย @asanansonsi นั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งกำลังประสบปัญหาใหม่ เพราะแบบฟอร์มกรอกข้อมูลของทางโรงเรียนนั้น มีชื่อให้กรอกแหล่งสังคมออนไลน์ที่เธอใช้อยู่ในปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งคำถามแรกก็คือ เด็ก ๆ มีเพื่อนใน Line, Instagram, Twitter, Facebook ตลอดจนแอปพลิเคชั่นแชทอื่น ๆ กี่คน ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าราคาญนิด ๆ ออกแนวงง ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ถือว่ายังพอรับได้ โดยทางโรงเรียนอาจจะนำข้อมูลไปใช้ว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา มีเด็กวัยรุ่นใช้งานโซเชียลมีเดียมากแค่ไหน แต่ว่าพอเลื่อนลงไปอ่านคำถามข้อต่อไปเท่านั้นแหละ…

 “สำหรับคนที่มีโซเชียลมีเดียต้องตอบคำถามนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ และเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของทางโรงเรียน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น กรุณาระบุชื่อผู้ใช้งานของบัญชีโซเชียลมีเดียแต่ละบัญชีด้วย”

หลังจากที่ได้อ่านข้อความดังกล่าวก็มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานะนี้เป็นจำนวนมาก เพราะว่าทางโรงเรียนไม่ได้แค่จะเห็นโพสต์ต่าง ๆ ที่พวกเขาจะพิมพ์ลงไปตลอดปีการศึกษานี้เท่านั้น แต่ทางโรงเรียนยังสามารถเข้าไปสอดส่องพฤติกรรมของพวกเขาย้อนหลังได้อีกหลายปี ถ้าหากว่านักเรียนยอมให้ไอดีตัวเองแก่โรงเรียน ซึ่งแบบนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิ์และไม่ยุติธรรมต่อเด็กเลย ซึ่งตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เด็ก ๆ อาจจะโพสต์อะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้คุณครูเห็น รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย

@asanansonsi นั้นไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้เอามาก ๆ เพราะเธออาจต้องมาตอบคำถามอะไรต่าง ๆ อีกมากมายจากสิ่งที่เธอโพสต์ไว้ และหลังจากที่เธอจบการศึกษาจากที่นี่ คุณครูก็ยังเข้าถึงข้อมูลของเธอต่อไปได้อีกอยู่ดี แถมทางโรงเรียนยังไม่อนุญาตให้เด็ก ๆ ใช้โซเชียลมีเดีย ถ้าหากไปกรอกแบบฟอร์มนี้อีกด้วย

แต่งานดราม่าก็เข้าตัวน้อง @asanansonsi เข้าจนได้ เมื่อมีคนมาบอกว่าโรงเรียนนี่เป็นสถานที่ในการฝึกระเบียบวินัย ถ้ากฎเกณฑ์แค่นี้ยังทำตามไม่ได้ งั้นก็ลาออกไปเลย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเรื่องยุ่ง ๆ เหล่านี้จะมีทางออก เมื่อน้อง @asanansonsi นั้นปฏิบัติตามกฎของโรงเรียน โดยปรับเปลี่ยนวิธีการโพสต์ใหม่ เช่น เรื่องไหนที่ไม่อยากให้ใครรู้ก็ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้ เพียงเท่านี้คุณครูก็จะไม่รู้ความลับของเธอ และเธอก็สามารถใช้โซเชียลมีเดียต่อไปได้นั่นเอง

จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจน้องเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นอย่างจีน อันนี้ฝนว่าฝั่งญี่ปุ่นนี่เบ ๆ เลยล่ะ เพราะในจีนนะ เขามีระบบการให้คะแนนพฤติกรรมประชาชนในประเทศ โดยจะสอดส่องทั้งในชีวิตประจำวัน ผ่านกล้อง CCTV ที่ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศ แถมยังรวบรวมพฤติกรรมบนโลกออนไลน์มาให้คะแนน เป็นเครดิตพิเศษที่จะนำมาใช้ในสังคม ใครทำตัวดีก็จะได้คะแนนดี มีสิทธิพิเศษในสังคม เช่น ได้รับส่วนลด หรือได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ส่วนใครทำคะแนนไม่ดีก็จะถูกตัดคะแนนพฤติกรรม แถมยังไม่สามารถเข้าใช้บริการบางอย่างของรัฐบาลได้ เพื่อเป็นการลงโทษ ราวกับว่าประชาชนจีนนั้นถูกควบคุมด้วยตาที่มองไม่เห็นตลอดเวลา แบบนี้ยิ่งน่าอึดอัดมากกว่าหลายเท่าตัวนัก

ยังเป็นเรื่องดีสำหรับเมืองไทย ที่ไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์อะไรเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียมากนัก ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จกับการทำการค้าบนโลกออนไลน์ ไหนจะมีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้แบบเสรีมากขึ้น แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าต่อไปรัฐบาลชุดใหม่จะออกกฎหมายอะไรทำนองนี้ออกมาเพื่อควบคุมการใช้สื่อเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อย่าง จีน และญี่ปุ่นหรือไม่ ก็ต้องคอยลุ้นกันต่อไปอีกที

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : soranews24, twitter

FOLLOW US ON
FACEBOOK