ป้อมปราการเก่าแก่ที่ติดอันดับต้นๆ ด้านความสวยงามของญี่ปุ่น
มาถึงเมืองนาโกย่าทั้งที โลเคชั่นควรแวะก็คือ ปราสาทที่ติดอันดับต้นๆ ด้านความสวยงามและเป็นป้อมปราการเก่าแก่ของญี่ปุ่น อย่างปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) แต่…วันนั้นฝนดันตกลงมาซะได้ เราเห็นว่าเม็ดฝนเล็กๆ ที่หล่นลงมาเรียกความชุ่มฉ่ำเช่นนี้ ไม่เป็นอุปสรรคการเดินทางของเราได้แน่นอน จึงทำให้เราได้สัมผัสความสดชื่นของซากุระสีชมพูบานสะพรั่งตัดสลับกับต้นไม้สีเขียวเต็มไปทั่วปราสาท ในวันฝนพรำๆ โรแมนติกละมุนตามากๆ
อากาศสดชื่นไปด้วยสายฝน และธรรมชาติระหว่างทางเดินเข้าปราสาทนาโกย่า
ระหว่างซื้อตั๋วเข้าชมในราคา 500 เยน (160 บาทเอง ถูกมาก) ผู้คนดูบางตา สงสัยว่าฝนตกคนไม่ค่อยมากัน แต่พอเดินเข้าไปจนใกล้จะถึงทางเข้าก็เห็นคนเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมที่เก็บร่มไว้ด้านนอก ก่อนจะเข้าไปในส่วนของปราสาท ขอเดินชมรอบๆ ฝนเริ่มจะเม็ดบางลง ซากุระร่วงหล่นเต็มพื้น และเบ่งบานทั่วไปหมด ถ่ายรูปสนุกแม้ฟ้าจะครึ้มๆ ไม่เปิดให้ชื่นใจเท่าไหร่ก็ตาม
จุดซื้อตั๋วเข้าไปยังปราสาทนาโกย่า ค่าเข้าชมคนละ 500 เยน
กางร่มชมปราสาทก็ไม่ทำให้เสียบรรยากาศนะ
มีตู้หยอดน้ำและขนมให้อุ่นเครื่องก่อนเข้าปราสาทด้วยนะ
ทางเข้าปราสาททุกส่วนจะมีที่เก็บร่มให้เป็นระเบียบ
ปราสาทนาโกย่า ถือเป็นจุดชมซากุระอีกแห่งของเมือง
ปราสาทนาโกย่าอันใหญ่โตและล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปราการมั่นคงแข็งแรง จนเดาไม่ออกว่าข้างในจะเป็นอย่างไร แม้จะมีช่องหน้าต่าง ก็เดาได้ยากว่าโครงสร้างของปราสาทมีรูปแบบใด นั่นเป็นความตั้งใจของการก่อสร้างที่คนภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของคนหรือลักษณะของห้องด้านในได้เลย เข้าไปด้านในปราสาท มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมีนิทรรศการแสดงทั้งบ้านเรือนจำลอง รูปปั้น ภาพวาด ซึ่งเรื่องราวของป้อมปราการแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยโชกุน โทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ. 1612 และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทถูกเพลิงไหม้เสียหายจากนั้นจึงได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ.1959 กลายเป็นปราสาทที่สวยงามติดอันดับในญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ได้รับความสนใจที่สุดคือรูปปั้นปลาสีทองรูปร่างสวยงามแปลกตา นั่นก็คือ ปลาหัวเสือทองคำ “คินชะจิ” ที่ตั้งอยู่บนหลังคายอดปราสาท เปรียบเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย โดยมีรูปปั้นสลักขนาดใหญ่อยู่ด้านใน มีนักท่องเที่ยวยืนรอคิวถ่ายรูปด้วยเยอะมาก
โฉมหน้าของปลาหัวเสือทองคำ “คินชะจิ” สัญลักษณ์สำคัญของปราสาท
ส่วนที่ตื่นตาตื่นใจที่สุด การจำลองหมู่บ้าน กำลังเดินชมการตกแต่งที่ดูเรียบง่าย ได้บรรยากาศชนบทอยู่ดีๆ ก็เริ่มรู้สึกทางเดินเริ่มสลัวๆ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่า อีกไม่นานจะมืดแล้ว จากนั้นหมู่บ้านก็ตกอยู่ในบรรยากาศกลางคืนทันที เพื่อแสดงวิถีชีวิตยามกลางวันและกลางคืนให้เราชื่นชมนี่เอง
การแสดงภายในปราสาทที่แค่ยกตัวอย่างมาเล็กน้อย
การจำลองวิถีชีวิตกลางวันและกลางคืน เสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต
เดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เป็นส่วนจุดชมวิว ที่มีตาข่ายล้อมไว้ไม่น่าหวาดเสียว มองเห็นเมืองนาโกย่าที่ฟ้ากำลังเปิด ทั้งยังเป็นส่วนร้านขายของที่ระลึกให้ช้อปปิ้งกัน เราเลือกหยอดตู้ได้เหรียญทองผู้พิชิตลายการ์ตูนสติทซ์และมิกกี้เม้าส์ ถึงจะดูไม่เข้ากับบรรยากาศย้อนยุคญี่ปุ่น แต่ก็เป็นของที่น่ารักมาก มีจุดประทับตราลงบนแผ่นพับที่ได้รับแจกให้เป็นรางวัลสนุกๆ ด้วย
ของที่ระลึกสนุกๆ สำหรับผู้ที่เดินขึ้นถึงชั้นบนสุด พร้อมร้านขายของที่ระลึกอีกมากมาย
แค่เที่ยวปราสาทนี้ที่เดียวก็จัดไปครึ่งวันแล้ว นับว่าคุ้มค่าคุ้มเวลา เพราะได้เห็นซากุระบาน เดินไปทางไหนก็มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด ถือเป็นจุดชมซากุระอีกแห่งหนึ่งของเมือง เป็นโลเคชั่นที่ใช้ความอ่อนช้อยของซากุระมาตัดกับความแข็งแกร่งของป้อมปราการใหญ่ ในวันที่แดดไม่ออก ฝนปรอยๆ ให้ความรู้สึกโรแมนติก...ชวนให้ฟีลกู้ดมากมาย
จบทริปชมซากุระรายล้อมปราสาทนาโกย่า...ในวันฝนชุ่มฉ่ำชื่นใจ