เดินชมสวนไผ่ ขึ้นรถไฟสายโรแมนติก เลาะเลียบริมแม่น้ำ ทักทายเหล่านกฮูก ที่อาราชิยามะ เกียวโต

รถไฟสายโรแมนติกที่เพื่อนว่า คือรถรางซากาโนะซึ่งวิ่งจากสถานี TOROKKO SAGA มุ่งหน้าสู่สถานี TOROKKO KAMEOKA รวมระยะทาง 4 สถานี ใช้เวลาประมาณ 25 นาที จำหน่ายเป็นตั๋วเที่ยวเดียวค่ะ ราคาตั๋วเที่ยวเดียว 620 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 310 เยนสำหรับเด็ก

พูดถึงความงดงามของสองข้างทาง ทุกท่านจะได้มองธรรมชาติจากมุมสูงขึ้นมาอีกหน่อย มองเห็นวิวแม่น้ำโฮะซึไหลเอื่อยๆ จากมุมสูง ยิ่งรถไฟมีขบวนแบบหลังคา open air ด้วยแล้ว ยิ่งฟินหนักมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่รถรางจอดนิ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศ และความงดงามของลำธารท่ามกลางภูเขาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ครึ้ม ความรู้สึกจากภูเขาก็ได้ส่งผ่านมาถึงเรา ได้ชาร์จพลังชีวิตเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้เป็นอย่างดี สมคำร่ำลือที่มักได้ยินบ่อย ๆ ว่า หากเรารู้สึกหมดแรงให้ไปขึ้นภูเขาเพื่อชาร์จพลังงานให้เต็มและกลับมาทำงานอย่างสดชื่น

สำหรับคนที่ต้องการกลับมายังสถานี TOROKKO SAGA จะต้องซื้อตั๋ว 2 เที่ยวค่ะ ซึ่งฉันและเพื่อนๆ ก็จัดแจงซื้อแบบ 2 เที่ยวโดยขากลับนั้นลงที่สถานี  TOROKKO ARASHIYAMA เพื่อเดินต่อสวนป่าไผ่...

เดินชมสวนป่าไผ่ เลาะเลียบริมแม่น้ำ

ป่าไผ่ที่ว่านี้ตั้งอยู่ระหว่างสถานีซากะและสถานีอาราชิยามะ เป็นป่าไผ่ที่มีชื่อเสียงด้วยความสวยงามของต้นไผ่สูงชะลูดที่ปลูกเรียงรายไว้อย่างสวยงาม ซึ่งได้มีการปลูกต้นไผ่เพิ่มเติมจากเส้นทางเดินปกติที่คุ้นเคย เพื่อขยายให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสความร่มรื่นของต้นไผ่ และร่วมถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น แต่ขอเตือนสตินักท่องเที่ยวด้วยว่า เมื่อเราเข้าใกล้ต้นไผ่ได้มากขึ้นแล้วก็อย่ามือบอนไปขีดเขียนอะไรเลยนะคะ

อ้อ!! กิจกรรมอีกหนึ่งอย่างของที่นี่ คือการล่องเรือในแม่น้ำโฮะซึ นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงดงามของแม่น้ำได้อย่างใกล้ชิด ตลอด 4 ฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะ โดยมีจุดเริ่มต้นการล่องเรือที่ KAMEOKA และไปสิ้นสุดที่ ARASHIYAMA ซึ่งใช้เวลาล่องเรือโฮะซึประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ

ทักทายเหล่านกฮูก

ฉันและเพื่อนๆ เดินเท้าลัดเลาะเลียบริมแม่น้ำ จนมาถึงสะพานโทเกซึเคียว ซึ่งโซนตรงนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คน และบ้านเรือนอย่างหนาแน่น อีกทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกล่อเงินในกระเป๋าเยอะเสียด้วย พวกเราเดินเข้าร้านนี้ออกร้านโน้นไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดหน้าอาคารแห่งหนึ่งที่ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่แปะหน้านกฮูกหรา!! ฉันและเพื่อนเราสบสายตาพร้อมกัน ก่อนจะพยักหน้าแบบรู้กัน แล้วตรงดิ่งเข้าไปในอาคารแห่งนั้นทันที

เดินขึ้นบันไดไปเพียงหนึ่งชั้น ก็จะพบกับด้านหน้าของป่านกฮูก หรือ Owl’s Forest ข้างกันจะมีส่วนของ Bengal Cat’s Forest ด้วย แต่ด้วยเวลาที่มีไม่มาก ทำให้พวกเราตัดสินใจเข้าไปสัมผัสเจ้านกฮูกตาโตเพียงอย่างเดียว สนนราคาอยู่ที่ 680 เยน (201 บาท) สำหรับผู้ใหญ่ และ 480 เยน (142 บาท) สำหรับตั๋วเด็ก หลังจากจ่ายเงินค่าตั๋วเข้าชมเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะอธิบายกติกามารยาทในการเข้าป่านกฮูกให้ฟังก่อน คุณสามารถใช้หลังมือสัมผัสนกฮูกทั้งหลายได้เลย ห้ามสัมผัสลูกนกฮูก และนกฮูกที่กำลังอยู่ในระหว่างพักผ่อน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอโดยไม่ใช้แฟลชได้อีกด้วย

นกฮูกน่ารักมาก มีป้ายแสดงข้อมูลสายพันธุ์ไว้อย่างดี ตัวไหนยังเด็ก ตัวไหนกำลังพักผ่อนก็ชี้แจงไว้เรียบร้อย ฉันยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะจับ แต่เพื่อนนั้นใช้หลังมือลูบไล้เหล่านกฮูกอย่างตื่นเต้น ซึ่งก็ใช่ว่าจะง่ายทุกตัว เพราะก็มีบางตัว ที่หันหนีบ้าง ส่งเสียงขู่ใส่บ้าง ที่สำคัญพวกเราไม่ลืมที่จะเคารพกติกาอย่างเคร่งครัด ไม่รบกวนนกฮูกที่กำลังพักผ่อน และลูกนกฮูกอย่างเด็ดขาด