When I was in Tokyo #4 ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่เริ่มต้นที่ใต้ ต้นซากุระ

บทนำ

เพื่อนๆของเราในเอกญี่ปุ่นเกือบ 30 คนพร้อมใจกันเลือกมหาวิทยาลัยที่จะไปแลกเปลี่ยนในจังหวัดต่างๆ ที่ไม่ใช่ ‘โตเกียว’ แต่เรากลับต่างกว่าคนอื่นเพราะเราตัดสินใจเลือกไปเรียนในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแห่งนี้ ตอนที่บอกเพื่อนๆ ว่าเราจะไปโตเกียว ทุกคนพากันพูดว่า ‘โห ! โตเกียวเลยเหรอ แพงนะ’ หรือไม่ก็ ‘ไปโตเกียว ไปทำอะไร?’ เราเริ่มหวั่นว่าสิ่งที่เราเลือกมันถูกต้องไหม เราจะอยู่ยังไง แถมนอกจากเงินค่าเทอมที่มหาวิทยาลัยออกให้เราก็ไม่ได้เงินสนับสนุนอะไรอีก เงินจะพอไหม เตรียมใจไว้เลยว่าต้องลำบากแน่ๆ แต่เชื่อไหม ว่าสิ่งที่เราได้เจอ ได้เรียนรู้มาจากโตเกียว ให้อะไรเรามากกว่า ‘ของแพง’ ให้อะไรเรามากกว่า ‘เมืองหลวงที่ไม่มีอะไร’ เสียอีก When I was in Tokyo จะเป็นเรื่องที่ให้ทุกคนได้เห็นภาพของโตเกียวมากขึ้น จะทำให้ได้รู้ว่าชีวิตในโตเกียวไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

Chapter 1

#1 : เปิดหอพักนักศึกษาราคา 17,000¥ ในเมืองที่ว่ากันว่าค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก เปิดหอพักเด็กแลกเปลี่ยนในโตเกียวให้ดูกันทุกซอกทุกมุม นี่แหละที่ที่เราจะอยู่ตลอด 1 ปีนี้

#2 : เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย โตเกียวก็เช่นกัน จะมาอยู่ญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง มีการต้อนรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนยังไงบ้าง มาหาคำตอบพร้อมกันเลย

#3 : มหา’ลัยของเราน่าอยู่ อู้หูงานดีทุกคน พาไปรู้จักกับมหาวิทยาลัยโคะคุชิคัง ที่ๆ คอยดูแลเรามาตลอด 1 ปี รวมถึงพาไปดูชีวิตในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น สนุกขนาดไหนห้ามพลาด

#4 : ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเริ่มต้นจาก ฮานามิ ใครจะไปรู้ว่าแค่ไปดูดอกไม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามันพัฒนาได้มากขนาดนี้

#5 : จนขนาดนี้ต้องไบโตะ(งานพิเศษ)แล้วล่ะ!? เล่าเรื่องการทำไบโตะ (งานพิเศษ) ครั้งแรกในชีวิตเพื่อแลกกับความอยู่รอดในเมืองใหญ่ที่ทำให้เราได้เห็นคนญี่ปุ่นในมุมมองของลูกค้า

#6 : งบน้อยอ่ะกินอะไรดี ? พาไปหาแหล่งอาหารถูก และอร่อยที่เราชอบแวะเวียนไปตลอด 1 ปี

#7 : ขึ้นชื่อว่าคนญี่ปุ่น... ความสัมพันธ์กับเพื่อน เจ้านาย คนญี่ปุ่นที่บางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มีอะไรมากมายที่เรายังไม่เข้าใจพวกเขาหรืออาจจะเข้าไม่ถึงเลย

#8 : เมื่อผู้หญิงมาคู่กับการช็อปปิ้ง รู้แหละว่าเงินมีจำกัด แต่อยากช็อปปิ้งอ่ะมันช่วยไม่ได้ เราจะพาทุกคนไปหาแหล่งช็อปปิ้งถูกๆ ในโตเกียวที่เราชอบไปเอง

#9 : ฉะโด พิธีชงชา กิโมโน พามาดูพิธีชงชาแบบเต็มรูปแบบ จัดเต็มในชุดกิโมโนครั้งแรกในชีวิต ดื่มจริง นั่งจริง เมื่อยจริง

#10 : ทัศนะศึกษาฟูจิที่ไม่เห็นฟูจิ เล่าความเฟลแต่ประทับใจกับการไปตามฟาฟูจิซังกับทริปครั้งสุดท้ายกับมหาวิทยาลัย

#11 : My routine in 1 day อยู่ๆ มาเกือบจะครบปี ชีวิตก็เริ่มวนลูปไปมา มาดูกันว่าเมื่อมาอยู่ญี่ปุ่นเราต้องทำอะไรบ้างใน 1 วัน

#12 : หิมะตกในเดือนพฤศจิกายน เล่าเรื่องความตื่นเต้นของสองเด็กไทยเมือครั้งมีหิมะหลงฤดูตกในรอบ 50 ปีของญี่ปุ่น

#13 : เรื่องที่รู้สึกขัดใจในญี่ปุ่น ตอนแรกๆ ก็ตื่นตาตื่นใจอยู่หรอก แต่พออยู่มานานๆ เข้าก็รู้สึกคิดถึงสิ่งที่คุ้นชินตอนอยู่ที่ไทยขึ้นมา ที่ไทยทำได้ แต่ที่ญี่ปุ่นทำไม่ได้

#14 : เม้ามอยเพื่อนรัก ความทรงจำสุดแสนประทับใจของเพื่อนๆที่คอยอยู่ข้างๆเราตลอด 1 ปีที่ญี่ปุ่น

#15 : ถึงเวลาอำลา ‘พิธีจบการศึกษา’ ข้อคิดต่างๆ ที่ได้ในวันพิธีจบการศึกษาของนักเรียนแลกเปลี่ยน ในที่สุดการจากลาก็มาถึงจนได้

“อาทิตย์หน้า เราจะพาไปฮานามิกัน ใครอยากไปลงชื่อไว้เลยนะ ” โยชิดะซังบอกกับพวกเราเด็กหอตอนที่มีทาโกะยากิปาร์ตี้ ทันทีที่เราได้ยินคำว่า ‘ฮานามิ’ เรานี่หูผึ่งเลย ซากุระมาแล้ว เรากำลังจะได้ไปนั่งใต้ต้นซากุระแบบในหนัง!?

    …9 โมงเช้าของวันนัดหมายคือเวลาออกเดินทางจากหอ เราและเพื่อนๆ รวม 10 ชีวิตพากันโหนรถเมล์มารวม 20 นาทีในที่สุดโยชิดะซังก็พาพวกเราลงรถ และแวะซื้อข้าวกล่อง และน้ำที่ซูเปอร์หน้าทางเข้าสวน เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันยังไม่ค่อยจะพูดอะไรกันสักเท่าไหร่ เอาแต่เดินๆ เพื่อให้ไปให้ถึงสวนสักที พอไปถึงเราก็ได้พบกับต้นซากุระที่กำลังบานสะพรั่งสีชมพูที่บานต้อนรับพวกเราอยู่

      แม้จะไม่ได้เป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอย่างโยโยหงิ หรือชินจูกุแต่ สวนคินุตะ ที่โยชิดะซังพาเรามาปูเสื่อนั่งเราเชื่อว่าสวยงามไม่แพ้กัน เอาจริงๆ ถ้าให้พูดแบบไม่มีอารมณ์ศิลปิน ต้นซากุระต้นไหนก็เหมือนกันสำคัญที่คนมาด้วยมากกว่า

      “ปีนี้บานช้ากว่าปีที่แล้วนะ” โยชิดะซังเปิดบทสนทนาขึ้นหลังจากแจกจ่ายจาน และแก้วกระดาษให้ทุกคนเรียบร้อย ของกินนอกจากที่พวกเราแต่ละคนซื้อกันเข้ามาเองแล้วยังมีที่โยชิดะซังและภรรยา (ตามมาทีหลัง) เตรียมมาให้อีก ที่ขาดไม่ได้ก็คือ “ขนมดังโงะ” ช่วงซากุระจะมีสามสี รสชาติไม่ขอพูด รู้แค่ว่าถ่ายรูปสวย

      บทสนทนาในวงแรกๆ จะเป็นไปอย่างเนิบๆ แนะนำตัวให้ทุกคนอีกครั้งเพราะมาใหม่ๆ อาจจะยังจำกันไม่ได้ แต่พอถึงช่วงให้แนะนำประเทศตัวเองเท่านั้นแหละ เริ่มครื้นเครงขึ้นมาทันที ทุกคนผลัดกันถามสิ่งที่ตนอยากรู้กับเพื่อนๆ อย่างเช่น ที่ไทยนี่หิมะตกไหม? ที่ไทยนี่ร้อนทั้งปีนะ ไม่มีทางตกหรอก คนเกาหลีนี่กินเหล้าเก่งใช่ไหม? ไม่สิ คนรัสเซียกินเก่งกว่า จริงๆ ทุกคนอาจจะคิดว่าคนจีนจะต้องเสียงดัง ทฤษฎีนี้ไม่เป็นจริงกับเพื่อนของเราค่ะ เพราะแทนที่คนจีนจะต้องพูดมาก กลายเป็นอปป้าเกาหลีต่างหากที่ชวนคุยตลอด แต่ก็ดีนะ เพราะพวกเขาช่วยสร้างสีสันในวงสนทนาให้สนุกได้ขึ้นเยอะเลย

     ก่อนกลับเราพากันไปเดินเล่นรอบสวน เล่นเกมที่โยชิดะซังอุตสาห์ขนอุปกรณ์มาให้เล่น แข่งโดดเชือกกันว่าใครจะอยู่ได้นานที่สุด และแน่นอนเราต้องมีการถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ใบเฟิร์นเพื่อนคนไทยหนึ่งเดียวของเราพกกล้องโพราลอยด์มาด้วย นางใจดีถ่ายรูปเดี่ยว และแจกจ่ายให้คนละใบ ทริปการชมฮานามิครั้งแรกของเราก็จบลงที่ตรงนี้ พวกเราโหนรถเมล์กลับหอกันเหมือนเดิม แต่ที่ต่างออกไปคือเรามองหน้ากัน และยิ้มให้กันกว้างกว่าเดิม...เท่านั้นเอง 🙂

      ป.ล.หลังจากครั้งนี้ เราได้ไปฮานามิอีกหลายครั้งตามคำชวนของเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่น่ารัก ฮิโตมิจังชวนเราไปสวนโยโยหงิที่ได้พบหนุ่มหล่อของใบเฟิร์น ส่วนยูอิจิโร่ที่เพิ่งกลับมาจากเป็นครูฝึกสอนที่ จ.ลำปางก็รีบชวนเราและใบเฟิร์นไปเที่ยวสวนอิโนะคาชิระแบบที่ไม่รู้ทางอะไรเลย 5555 ไปกี่ทีก็สนุกทุกครั้ง ต้องขอบคุณทุกคนที่ชวนเราตอนนั้นจนเป็นเพื่อนกันมาถึงทุกวันนี้ รัก ❤

FOLLOW US ON
FACEBOOK