When I was in Tokyo #11 : My routine in 1 day

บทนำ

เพื่อนๆของเราในเอกญี่ปุ่นเกือบ 30 คนพร้อมใจกันเลือกมหาวิทยาลัยที่จะไปแลกเปลี่ยนในจังหวัดต่างๆ ที่ไม่ใช่ ‘โตเกียว’ แต่เรากลับต่างกว่าคนอื่นเพราะเราตัดสินใจเลือกไปเรียนในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแห่งนี้ ตอนที่บอกเพื่อนๆ ว่าเราจะไปโตเกียว ทุกคนพากันพูดว่า ‘โห ! โตเกียวเลยเหรอ แพงนะ’ หรือไม่ก็ ‘ไปโตเกียว ไปทำอะไร?’ เราเริ่มหวั่นว่าสิ่งที่เราเลือกมันถูกต้องไหม เราจะอยู่ยังไง แถมนอกจากเงินค่าเทอมที่มหาวิทยาลัยออกให้เราก็ไม่ได้เงินสนับสนุนอะไรอีก เงินจะพอไหม เตรียมใจไว้เลยว่าต้องลำบากแน่ๆ แต่เชื่อไหม ว่าสิ่งที่เราได้เจอ ได้เรียนรู้มาจากโตเกียว ให้อะไรเรามากกว่า ‘ของแพง’ ให้อะไรเรามากกว่า ‘เมืองหลวงที่ไม่มีอะไร’ เสียอีก When I was in Tokyo จะเป็นเรื่องที่ให้ทุกคนได้เห็นภาพของโตเกียวมากขึ้น จะทำให้ได้รู้ว่าชีวิตในโตเกียวไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

Chapter 1

#1 : เปิดหอพักนักศึกษาราคา 17,000¥ ในเมืองที่ว่ากันว่าค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก เปิดหอพักเด็กแลกเปลี่ยนในโตเกียวให้ดูกันทุกซอกทุกมุม นี่แหละที่ที่เราจะอยู่ตลอด 1 ปีนี้

#2 : เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย โตเกียวก็เช่นกัน จะมาอยู่ญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง มีการต้อนรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนยังไงบ้าง มาหาคำตอบพร้อมกันเลย

#3 : มหา’ลัยของเราน่าอยู่ อู้หูงานดีทุกคน พาไปรู้จักกับมหาวิทยาลัยโคะคุชิคัง ที่ๆ คอยดูแลเรามาตลอด 1 ปี รวมถึงพาไปดูชีวิตในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น สนุกขนาดไหนห้ามพลาด

#4 : ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเริ่มต้นจาก ฮานามิ ใครจะไปรู้ว่าแค่ไปดูดอกไม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามันพัฒนาได้มากขนาดนี้

#5 : จนขนาดนี้ต้องไบโตะ(งานพิเศษ)แล้วล่ะ!? เล่าเรื่องการทำไบโตะ (งานพิเศษ) ครั้งแรกในชีวิตเพื่อแลกกับความอยู่รอดในเมืองใหญ่ที่ทำให้เราได้เห็นคนญี่ปุ่นในมุมมองของลูกค้า

#6 : งบน้อยอ่ะกินอะไรดี ? พาไปหาแหล่งอาหารถูก และอร่อยที่เราชอบแวะเวียนไปตลอด 1 ปี

#7 : ขึ้นชื่อว่าคนญี่ปุ่น... ความสัมพันธ์กับเพื่อน เจ้านาย คนญี่ปุ่นที่บางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มีอะไรมากมายที่เรายังไม่เข้าใจพวกเขาหรืออาจจะเข้าไม่ถึงเลย

#8 : เมื่อต่างด้าวอยากคาวาอี้แบบสาวญี่ปุ่น รู้แหละว่าเงินมีจำกัด แต่อยากช็อปปิ้งอ่ะมันช่วยไม่ได้ เราจะพาทุกคนไปหาแหล่งช็อปปิ้งถูกๆ ในโตเกียวที่เราชอบไปเอง

#9 : ฉะโด พิธีชงชา กิโมโน พามาดูพิธีชงชาแบบเต็มรูปแบบ จัดเต็มในชุดกิโมโนครั้งแรกในชีวิต ดื่มจริง นั่งจริง เมื่อยจริง

#10 : ทัศนศึกษาฟูจิที่ไม่เห็นฟูจิ เล่าความเฟลแต่ประทับใจกับการไปตามหาฟูจิซังกับทริปครั้งสุดท้ายกับมหาวิทยาลัย

#11 : My routine in 1 day อยู่ๆ มาเกือบจะครบปี ชีวิตก็เริ่มวนลูปไปมา มาดูกันว่าเมื่อมาอยู่ญี่ปุ่นเราต้องทำอะไรบ้างใน 1 วัน

#12 : หิมะตกในเดือนพฤศจิกายน เล่าเรื่องความตื่นเต้นของสองเด็กไทยเมือครั้งมีหิมะหลงฤดูตกในรอบ 50 ปีของญี่ปุ่น

#13 : เรื่องที่รู้สึกขัดใจในญี่ปุ่น ตอนแรกๆ ก็ตื่นตาตื่นใจอยู่หรอก แต่พออยู่มานานๆ เข้าก็รู้สึกคิดถึงสิ่งที่คุ้นชินตอนอยู่ที่ไทยขึ้นมา ที่ไทยทำได้ แต่ที่ญี่ปุ่นทำไม่ได้

#14 : เม้ามอยเพื่อนรัก ความทรงจำสุดแสนประทับใจของเพื่อนๆที่คอยอยู่ข้างๆเราตลอด 1 ปีที่ญี่ปุ่น

#15 : ถึงเวลาอำลา ‘พิธีจบการศึกษา’ ข้อคิดต่างๆ ที่ได้ในวันพิธีจบการศึกษาของนักเรียนแลกเปลี่ยน ในที่สุดการจากลาก็มาถึงจนได้

6.30 น. การที่คืนก่อนมีไบต์จนถึงเที่ยงคืนแล้วต้องตื่นไปเรียนตอน 9 โมงด้วยเวลาแบบนี้บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ! แม้จะไม่อยากลุกแต่ก็ต้องขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียงให้ได้ในทุกวัน อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็จะรีบดิ่งมาเตรียมมื้อเช้า อาหารเช้าที่เราทานทุกวันยันวันกลับและทานจนเบื่อคือ กราโนร่า (ที่นี่มีให้เลือกเยอะมากกและถูก) กับนม ขนมปังทาแยมและกาแฟ กาแฟก็จะลองไปเรื่อยๆ แต่ที่เห็นว่าถูกจริงก็ที่ขายเป็นเหมือนกล่องนม เราชอบซื้อแบบนี้มาเพราะง่าย ไม่ต้องต้มน้ำร้อนก่อน เทดื่มได้เลย

8.30 น. คือเวลาออกจากหอเพื่อเดินไป ม.ใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที ที่ต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าจะออกห้องได้ก็เพราะเป็นคนแต่งตัวนานมากก แม้จะพยายามเร่งมือเท่าไหร่แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงแต่งไม่ค่อยทันซะที (ยิ่งอยู่นานไปก็ดูเหมือนจะยิ่งสายขึ้นเรื่อยๆ 5555) ปกติแล้วพอทำอะไรเสร็จก็จะไปเคาะห้องใบเฟิร์น ใครสายก็จะผลัดกันไปเคาะห้องแล้วค่อยเดินไปพร้อมกัน

9.00 น. วันไหนที่สายก็พากันวิ่งเหงื่อแตกมาเข้าห้องเรียนหลังจากกริ่งเข้าเรียนดังเล็กน้อย ปกติวันอังคารกับพฤหัสจะเป็นคาบเรียนภาษาญี่ปุ่นซึ่งเป็นวิชาบังคับ เรียนไวยากรณ์ เรียนพูด ส่งการบ้าน คาบต่อไปเริ่มอีกที 10.30 น. ก็จะเป็นวิชาเลือก แต่ละคนก็จะแยกย้ายกันไปเรียนวิชาของตัวเอง

12.00 น. ส่วนใหญ่แล้วเราจะมีเรียนแค่สองวิชาต่อวันในช่วงเช้า เพราะฉะนั้นตอนบ่ายคือว่าง จะแวะทานข้าวที่โรงอาหารก่อนหรือว่าวันไหนเบื่อๆ ก็ซื้อข้าวกล่องกลับไปทานในหอ หลังจากนั้นถ้าวันไหนคึกๆ แล้วไม่มีงานพิเศษต่อตอนเย็นก็จะไปละ ชิบุย่า บลาๆๆ แต่ถ้าวันไหนมีงานต่อ แล้วคืนก่อนก็ทำงานเลิกดึก ก็จะอยู่จุดเซฟนอนกลางวันก่อนตื่นไปทำอะไร

16.00 น. ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าวันนั้นมีงานตอนเย็น เวลานี้จะต้องลุกไปแต่งตัว เตรียมตัวให้เรียบร้อย แต่ถ้าวันไหนว่างก็จะนั่งทำการบ้านแล้วก็คิดว่าเย็นนี้จะทานอะไรดี ต้องออกไปซื้อของไหม

17.30 น. ได้เวลาออกไปใช้แรงงาน เอ้ย ! ไปทำงาน เวลาเข้างานของเราปกติคือ 6 โมงเย็น มักจะชอบมาเดินหากาแฟฟรีอย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปในบทก่อนเพื่อปลุกตัวเองก่อนเข้างาน เสร็จแล้วก็เข้าไปตอกบัตร และลุยกันเลย !

24.00 น. เราจะเคลียร์ร้านเสร็จเวลานี้โดยประมาณ (ถ้าวันไหนลูกค้าออกช้าก็เลยไปถึงเที่ยงคืนครึ่ง) ข้าวเย็นเราได้ทานช่วงพักตอนห้าทุ่มไปแล้ว พอเทนโจอนุญาตให้ตอกบัตรได้ก็เป็นอันเลิกงาน ได้เวลาวิ่งให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายเวลา 00.36 น.

00.45 น. ช่วงที่กลับมาหอคือช่วงที่ต้องเร่งทำเวลาทุกอย่างเพราะต้องถึงหอก่อนตีหนึ่งให้ได้ ไม่งั้นประตูด้านหน้าจะล็อกแล้วต้องปลุกเพื่อนที่กำลังหลับใหลให้มาเปิดให้ (ก็เกรงใจอ่ะเนาะ) พอเข้าหอมาได้ถือว่าได้กลับจุดเซฟแล้ว ได้เวลาอาบน้ำล้างกลิ่นบุหรี่ที่ได้มาจากร้าน พอเสร็จก็ไม่สนอะไรแล้ว ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยเวลาประมาณตี 2 พอดิบพอดี

FOLLOW US ON
FACEBOOK