บทนำ
จะไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวทั้งทีก็อยากลองไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ดูบ้าง ครั้งแรกมันต้อง ญี่ปุ่น นี่แหละ! แดนอาทิตย์อุทัย ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระเบียบ และความคิดสร้างสรรค์ ประเทศที่เป็นจุดหมายของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะมาเรียน มาเที่ยว แต่สำหรับผมมาเป็น Wwoofer!
ปลายเดือนตุลาคม-ต้นพฤศจิกายนปี 2017 จึงเป็นบทเริ่มต้นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้แสวงหาคุณค่าของชีวิต พูดให้ดูเวอร์ไปแบบนั้น ถ้าพูดกันบ้านๆ ก็คือลูกจ้างชั่วคราวดีๆ นี่เอง ทำงานแลกที่พัก และข้าวประทังชีวิต มันต้องแบบนี้แหละ ผมเบื่อแล้วกับเมืองหลวง ตึกสูง ขอมาลองใช้ชีวิตแบบชนบทง่ายๆ สบายๆ เรียกได้ว่าเป็น Little forest ฉบับชายหนุ่มเลยก็ว่าได้
ชนบทญี่ปุ่นในการ์ตูนแบบผมได้แต่จินตนาการมันเป็นแบบไหน? ธรรมชาติ วิถีชีวิต การเกษตร แต่พอมาเจอของจริงหลายอย่างกลับไม่เป็นแบบที่เราคิด มันเปลี่ยนมุมมองของผม ผมได้พบแก่นแท้ของญี่ปุ่นจริงๆ แบบที่ไม่เคยคิดว่าจะมี ผ่านบ้านโฮสต์ที่เป็นครูสอนดนตรี ทั้งอร่อย กลมกล่อม ไพเราะ มีรอยยิ้มและน้ำตา
เดินทางไปพร้อมกันกับหมาป่าสีน้ำเงินตัวนี้ และเสียงคลื่นของจังหวัดวากายะมะ-Wakayama มาติดตามและเป็นกำลังใจไปพร้อมๆ กันเลยครับ
Chapter I : ทุกสิ่งใหม่ที่ วากายะมะ
EP1: วูฟโฮสต์เรียกว่าบ้าน สภาพแบบนี้ไม่น่าใช่!!
ที่พักสำหรับครึ่งเดือนของผม ข้างนอกอาจดูไม่ต่างจากบ้านญี่ปุ่นทั่วไป แต่ข้างในนี่สิ แม่เจ้า!!
EP2 : บ้านนอก(เขา) ไร่ข้าวริมทาง(รถไฟ)
โฮสต์ก็พาไปไร่ ไกลแค่ไหนก็ในหุบเขา ที่มีรางรถไฟตัดผ่านน่ะสิ
EP3 : เซอร์ไว (Survive) ไต้ฝุ่นมา!!
ครั้งแรกของการมาเยือนญี่ปุ่น ต้องเรียกว่าถูกที่ ถูกเวลามาก ไต้ฝุ่น ขนาดใหญ่พัดเข้าชายฝั่ง วิ่งสิครับรออะไร
EP4 : โอ้ยชีวิต! หลงทางในหมู่บ้าน
หมู่บ้านแสนสงบ คนไม่เยอะบ้านช่องสะอาดตา ชมนกชมไม้ อ้าว! หลงทาง!! ใครจะช่วยเราได้ คนก็ไม่มี
EP5 : จากพี่ชายกลายเป็น ผู้ปกครอง
วันนี้พิเศษ มีน้องๆ 3 สาวมัธยมสุดจะคาวะอี้ มาพักที่บ้านด้วย พี่ชายแสนดี ต้องไปเป็นผู้ปกครอง ทำยังไงดี?
Chapter II : อยู่เป็น
EP6 : เบนโตะของฉันอร่อยที่สุด
การที่เราต้องไปทำงานเองคนเดียวมันก็ดูเหงาๆ และที่สำคัญ ห่อข้าวไปกินเองนะ
EP7 : เจอผีญี่ปุ่น! ต้องทำยังไง
จากที่มองไปรอบๆก็ไม่มีตุ่ม ให้ลงไปซุกตัวหลบ ได้แต่บอกว่า โอยะสุมิ นอนเถอะนะ เราขอ
EP8 : บทเพลง Country Road และกลิ่นกาแฟดริป ในวันฝนตก
กิจกรรมของชาวไร่ชาวนาที่นี่ในวันที่อากาศไม่เป็นใจ มันช่างเป็นศิลปะเสียจริง
EP9 : หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน
งานเกี่ยวข้าวเสร็จไปแล้ว แต่กิจกรรมเกี่ยวกับไร่ข้าวยังไม่หมด
EP10 : เด็กขุดมัน
ใกล้เข้าฤดูหนาว หลังการเก็บเกี่ยวข้าว ก็ได้เวลาขุดมันหวาน โอโห!! มันใหญ่มาก!!
EP11 : จากชาวนา มาเป็นคนตกปลา
วันนี้ได้พักหนึ่งวัน โกทูทะเล ไปดูวิธีตกปลาแปซิฟิก
Chapter III : เราไม่เคยพูดซาโยนาระ
EP12 : ออกงานดนตรี
เพราะโฮสต์เป็นนักดนตรี เราเลยได้เป็นลูกมือ ตื่นเต้นทุกครั้งกับการเจอคนเยอะๆ
EP13 : กิจกรรมปลายเทอม ของโรงเรียนมัธยม
ทุกๆปี โรงเรียนมัธยม เด็กๆและครูจะช่วยกันจัดงานเทศกาล โอกาสดีที่เราจะได้รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง
EP14 : ต้มยำกุ้ง
สิ่งสำคัญของการเชื่อมสัมพันธ์ก็คงจะต้องเป็นการทำอาหารประจำชาติ ต้มยำกุ้ง (ฉบับญี่ปุ่น)
EP15 : รุ่งสางของวันใหม่
วันสุดท้ายแล้วของการใช้ชีวิตอยู่กับโฮสต์ เรื่องราวถูกถักทอในความทรงจำ พร้อมทั้งความรู้สึกที่เชื่อมโยงเราไว้
แต่การเดินทางของผมยังไม่สิ้นสุด มันต้องมีอีก !!
เช้านี้อากาศกำลังดี ผมไม่ได้ออกไปทำงานในไร่
แต่มีงานสำคัญที่ต้องช่วยโฮสต์ทำ เรียกได้ว่าเป็นงานถนัดของผม
“งานออกแบบโปสเตอร์สำหรับงานดนตรี”
ใช้มือขุดดิน ถอนหญ้ามานาน ได้เวลาคืนวิชาฝ่ามือยูไลให้ชาวนิฮงได้เห็น
ผมกับโฮสต์นัดแนะกันตั้งแต่ตอนกลางคืนว่าเช้าวันนี้มีเพื่อนของโฮสต์จะมาถ่ายรูปให้
จากนั้นก็ให้ผมใช้รูปที่ถ่าย ออกแบบเป็นโปสเตอร์สำหรับออกงานดนตรี
โฮสต์เป็นนักเปียโนที่เก่งกาจ แต่การไปแสดงในที่ต่างๆ ก็ต้องมีป้ายให้คนรับรู้ด้วย
เดือนหน้าจะมีจัดแสดงงานดนตรีที่หมู่บ้าน ซึ่งป้ายเก่าก็ใช้มาหลายปีแล้ว ปีนี้เลยอยากได้ของใหม่
ช่างประจวบเหมาะที่ผมพอจะทำได้ เลยคิดว่าเป็นงานที่หวานหมูเลย
ว่าแต่ว่า....จะตกแต่งรีทัชรูปมันต้องใช้ Computer และอาจต้องใช้โปรแกรมแต่งรูปเช่น Photoshop
โฮสต์มีใช่มั้ยครับ?....ไม่รีรอ โฮสต์ก็พาผมขึ้นบ้านเป็นครั้งแรก
ชั้นสองของบ้านนอกจากเป็นห้องนอนแล้วยังเป็นห้องทำงานของโฮสต์คุณพ่อ
“ใช้ได้ตามสบายเลยนะ”
ผมตกใจนิดหน่อยกับ Computer จอตู้หลังใหญ่และ CPU แบบแนวนอน
มันเป็นรุ่นที่เก่ามาก มึง...ปุ่มเปิดอยู่ตรงไหนเนี่ย!!??
นึกภาพเครื่องอีนิคมาส่งรหัสนิวเคลียร์ในยุคสงครามโลกสิ
นี่มันเกิดก่อนปี 1900 เลยมั้งเนี่ย หรือว่าโฮสต์คุณพ่อจะเป็นสายลับ !!
ใช้เวลาเปิดเครื่องสักพัก (สักพักที่ว่าคือดื่มชาหมดไปถ้วยหนึ่ง)
ก็ได้เวลาทดสอบว่าใช้ได้มั้ย ผมเริ่มหนักใจเพราะว่าไม่รู้จะเริ่มยังไง
ว้าว!! Windows ME พระเจ้าเหา! โชคดีที่ตอนเด็กๆ เคยผ่านมือ ดีใจมากที่ไม่ใช่จอดำ
แต่ทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด แย่แล้ว! กูคงต้องใช้สัญชาตญาณในการเดาตำแหน่งปุ่มต่างๆ
“เก่าหน่อยนะ ไม่ค่อยได้ใช้ พ่อใช้แค่ตอบอีเมลเท่านั้น ยังไงก็ลองดูนะ”
มันเป็นคำปลอบใจที่รับได้ครับ เพราะอย่างน้อยๆ อินเทอร์เน็ตก็ยังใช้ได้
ระหว่างที่รอดาวน์โหลดโปรแกรมแต่งภาพผมก็ไปช่วยโฮสต์แต่งตัว
เพื่อนของโฮสต์เป็นช่างภาพที่อาสามาช่วยถ่ายรูป
ชุดต่างๆ โฮสต์ดีไซน์เอง บอกว่าอยากได้หลายๆ แบบ เอาไว้ใช้ในหลายๆ ฤดูกาล
ผมกับเพื่อนโฮสต์ช่วยกันจัดท่าทางและถ่ายรูปจนเสร็จ
“ขอเมมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมเอารูปลงคอมพ์”
“อ้อ..ลืมบอกไปว่า คอมพ์ไม่มีที่เสียบนะ ต้องกลับไปบ้านแล้วส่งรูปมาทางอีเมล”
ผมนี่กุมขมับเลย ฮ่าๆ แต่ก็พอเข้าใจครับ ถ้ามีรูเสียบสิน่าแปลก
เพื่อนของโฮสต์ต้องกลับไปบ้าน น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ ผมเลยกลับขึ้นไปเตรียมคอมพ์ต่อ
“จบสิ้น”......ผมอุทานออกมาหลังจากพยายามติดตั้งโปรแกรมแต่งรูป
ลองแล้วลองอีกก็ไม่ได้ มันจะได้ยังไง ในเมื่อระบบมันไม่รองรับ
“กูจะทำยังไงดีเนี่ย มันต้องมีวิธีอื่นสิ ใช่แล้ว!! Word “
ใช่ครับ...ผมใช้โปรแกรมเอกสารที่มีในเครื่อง พร้อมกับการเดาเครื่องมือต่างๆในการทำโปสเตอร์
จนในที่สุด....ในที่สุดก็เสร็จ สวยงามสมบูรณ์ ???
เปล่าเลยครับแค่ใช้เวลาหาเครื่องมือก็นานแล้ว มานั่งทำ Layout ไว้รอใส่รูป แต่ว่า.....
เพื่อนของโฮสต์ยังไม่ถึงบ้านเลยจ้า...ในที่สุดก็ค่ำครับ
ไม่ได้ทำอะไรเลยวันนี้ จบสิ้นจริงๆ
“เตรียมตัวรึยัง วันนี้มีงานต้องไปเล่น ไปช่วยแม่หน่อยนะ”
วันนี้มีงานพิเศษที่ต้องไปทำที่โรงแรม คือไปเล่นดนตรีนั่นเอง
ผมรีบแต่งตัวเตรียมของ หอบกีตาร์ขึ้นรถ
เรามีเวลาไม่มาก งานจะเริ่มตอน 2 ทุ่ม ตอนนี้ก็จวนเวลาแล้ว
โฮสต์แม่เลยเหยียบสุดเท้า ผ่านโค้งอันตรายแบบไม่เบรกเลย ไม่มีความกลัวในแววตาคุณแม่
ผมนี่จิกเบาะไปตลอดทางจนถึงโรงแรม....(กลัวแล้ว)
พวกเราหอบข้าวของรีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง ใหญ่พอสมควร
เป็นโรงแรมประจำของที่นี่ ส่วนใหญ่มีแต่นักธุรกิจมาพักผ่อน
ทุกเย็นจะมีกิจกรรมตรงล็อบบี้ วันนี้เป็นคิวของโฮสต์ที่ต้องมาเล่นดนตรี
ผมตื่นเต้นมากครับ เพราะได้มาเป็นผู้ช่วย การเจอคนเยอะๆ ก็ยังไม่ใช่เรื่องคุ้นเคยเท่าไร
“นี่ดอกไม้ เอาไปวางไว้ที่เปียโนนะ แล้วก็นี่เนื้อเพลง เอาไปวางตามโต๊ะ”
ผมทำหน้าที่ผู้ช่วยได้อย่างเงอะๆ งะๆ
ดีนะที่ตอนนี้ยังไม่มีใครมา ก็เลยได้มีโอกาสผิดพลาด
คนที่มาพักในโรงแรมเริ่มทยอยมานั่งจนเกือบเต็ม
และแล้วก็ถึงเวลาแสดง ทุกคนปรบมือต้อนรับ
โฮสต์โค้งคำนับ แนะนำตัวแล้วเริ่มบรรเลงเพลงอันไพเราะ
“เพราะจังเลย” ผมนั่งฟังอยู่ห่างๆ
หลังจากเล่นเพลงไปสักพักก็ถึงช่วงพิเศษ ให้ทุกคนสามารถเลือกเพลงได้
คล้ายๆ ตู้คาราโอเกะบ้านเรา เปิดหนังสือที่เตรียมไว้แล้วก็ยกมือเสนอเพลงที่ตัวเองอยากฟัง
แล้วก็มีการแซวกัน คุยกัน อย่างกับว่าคนที่มาพักทั้งหมดมาด้วยกัน ดูอบอุ่นดี
“ขอเชิญผู้ช่วยคนใหม่ของฉันออกมาแนะนำตัวหน่อย”
โฮสต์ชี้มาทางผมที่กำลังเพลินอยู่กับเสียงเพลงจนสะดุ้งตกใจ
เห้ย! ทำยังไงดีล่ะ อายจังเลย ให้ไปยืนต่อหน้าคนเยอะๆ นี่มันไม่ใช่ทางจริงๆ
ผมออกไปแบบเขินๆ แนะนำตัวเสร็จ ใครสักคนก็ถาม มาจากไหน
สักพักก็มีอีกคนถาม ทำอะไร ชอบที่นี่ไหม และก็ถามกันอีกเรื่อยๆ เห้ย! หยุดก่อน
ผมต้องให้โฮสต์แปลให้ฟังเพราะฟังไม่เข้าใจ (ออเจ้ารัวญี่ปุ่นใส่ไม่ยั้ง ข้าเป็นคนทายยยยยโว้ยยย)
นี่กูกำลังถูกสอบปากคำอยู่สินะ เหมือนได้เข้าห้องปกครอง แล้วยืนต่อหน้าครูใหญ่อะ
หลังจากนั้นก็มีหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นแนะนำตัวกับผม ว่าเราอายุใกล้เคียงกัน
จะว่าไปทั้งหมดที่นั่งอยู่มีแต่คนอายุเลย 40 แล้วทั้งนั้น เราสองคนดูเป็นเด็กไปเลย
“อยากจะช่วยให้เล่นเพลงนี้หน่อยครับ ใกล้ถึงงานวันเกิดเขาแล้ว” ลุงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
ผมโล่งใจมากครับ เพราะถ้าอยู่ต่ออีกสักพัก ทุกคนคงไปเที่ยวบ้านผมได้
อาจจะรู้ถึงชีวิตประจำวันและชื่อพ่อแม่ เอามาล้อผมแน่ๆ ฮ่าๆ ไปๆ ไปฟังเพลงเถอะ
คืนนี้ผมได้มีโอกาสเล่นกีตาร์กับโฮสต์ด้วย
ในแบบที่เราเคยซ้อมเล่นกันที่บ้าน
มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกจริงๆ
ได้เห็นรอยยิ้ม และความสุขของผู้คนที่ตั้งใจฟังเพลงของเรา
ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของโฮสต์ขึ้นมาแล้ว
ว่าทำไมถึงยังเล่นเปียโนอยู่อีก แม้มันจะไม่ได้สร้างรายได้ให้ร่ำรวย
ทำงานเหนื่อยๆ ยังต้องแบ่งเวลามาซ้อมเพลงอีก
และผมก็เห็นบางสิ่งในตัวโฮสต์ทุกครั้งที่ได้แสดงดนตรี
สิ่งนั้นก็คือ....“ความสุข”
ทำสิ่งที่เรารักอย่างมีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว