เนื่องด้วยการจองห้องพักของ Airbnb ในประเทศญี่ปุ่น(และอีกหลายประเทศ)มีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งเรื่องกฏหมายหรืออะไรก็ตาม ทางเราขอแนะนำให้ทำการตรวจสอบห้องพักที่จะจองและศึกษากฏระเบียบต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้บทความนี้เป็นบทความเก่าก่อนช่วงที่เกิดปัญหา ดังนั้นบทความนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากความเป็นจริงในปัจจุบันนี้ครับ ถ้ามีอัพเดทรายละเอียดเพิ่มเติมที่ชัดเจนกว่านี้จะมาอัพเดทข้อมูลให้ครับ
– June 2016 –
การไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศต่างๆนั้น สิ่งแรกๆที่ทุกคนจะนึกถึงนั้นก็คือ “ที่พัก” และการหาที่พักต่างๆนั้นก็มักจะเป็นโรงแรมหรือโฮสเทลที่จะถูกนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรก แต่ที่พักนั้นไม่ได้มีแค่โรงแรมหรือโอสเทล แต่ยังมีอพาร์ทเมนท์ให้เช่าด้วย และนี่คือสิ่งที่ผมจะมาแนะนำในวันนี้นั่นคือ การจองห้องพักแบบอพาร์ทเมนท์กับ Airbnb
ทริปที่ผ่านมานี้ ผมไปกับเพื่อนทั้งหมด 5 คน แถมเป็นช่วงวันหยุดยาวของคนไทยอีกด้วย การหาที่พักราคาถูกๆในโตเกียวก็เป็นไปได้ค่อนข้างยาก และที่พักราคาถูกนั้นก็มักจะอยู่นอกเมืองออกไปนิดหน่อย ซึ่งผมก็ขี้เกียจนั่งรถไฟหลายต่อหรือไกลๆเพื่อที่จะใช้ในการเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ และนั้นคือที่มาของการหาห้องพักแบบอพาร์ทเมนท์นี้
ห้องพักต่างๆที่มีใน Airbnb นั้น มีทั้งราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ขึ้นอยู่กับแบบของห้องและย่านหรือทำเลที่ห้องนั้นๆตั้งอยู่ ซึ่งสามารถเซิร์ทหาดูได้จากชื่อของเขต สถานีรถไฟ หรือสุ่มหาจากแผนที่ก็ได้เช่นกัน แต่ละห้องนั้นจะมีความจุของผู้เข้าพักต่างกัน ตั้งแต่ 1 ท่านจนถึง 10 ท่านต่อ 1 ห้อง หรือเป็นแบบแชร์รูม คือการแชร์กับผู้พักท่านอื่นหรือพักกับเจ้าของห้องเลยก็มีครับ
ภาพด้านบนคือตัวอย่างการค้นหาห้อง ง่ายๆไม่ซับซ้อน ซึ่งหลักๆแล้วให้เน้นไปที่วันเช็คอิน เช็คเอาท์ และจำนวนผู้เข้าพักอาศัยเป็นหลัก ถ้าเราต้องการกำหนดราคาก็สามารถเลื่อนแถบราคาได้เลย และยังสามารถตั้งค่าได้อีกว่าต้องการเป็นห้องส่วนตัวหรือแบบแชร์
ส่วนรายละเอียดของแต่ละห้องนั้น จะมีบอกอย่างครบถ้วนว่าห้องนั้นๆมีสภาพเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถดูได้จากภาพถ่ายของห้อง ห้องนั้นๆมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรให้บ้างก็มีบอกอย่างครบถ้วนในหน้าของห้องนั้นๆ หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็สามารถส่งข้อความติดต่อกับเจ้าของห้องพักได้โดยตรง ส่วนรายละเอียดการเช็คอินและเช็คเอาท์นั้น เจ้าของห้องจะแจ้งให้เราทราบเอง ซึ่งวิธีการจะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าเจ้าของห้องจะใช้วิธีไหนครับ ส่วนราคาถ้ามีคนพักเพิ่มก็จะบวกราคาต่อคืนเพิ่มเป็นแบบต่อคนต่อคืน
การจองผ่าน Airbnb จะมีข้อเสียอยู่บ้างนิดหน่อยก็คือ ต้องชำระเงินทันทีหลังจากการจอง และ การยกเลิกนั้นไม่สามารถทำได้ (หรืออาจจะทำได้แต่ไม่สะดวกนัก) ดังนั้นคุณต้องแน่ใจก่อนว่าจะได้พักวันเวลาตามนี้จริงๆ ส่วนการชำระเงินนั้นจะมีอยู่สองวิธีคือการตัดบัตรเครดิตหรือชำระเงินผ่าน paypal เท่านั้น
ทั้งนี้ห้องพักที่มีใน Airbnb นั้น มักจะกระจุกตัวกันอยู่ตามเมืองใหญ่อย่างโตเกียวและโอซาก้า ถ้าเป็นจังหวัดอื่นๆห้องพักที่มีให้เลือกก็จะน้อยลงไป จนถึงมีแค่ไม่กี่ห้องให้เลือก แถมยังไกลจากสถานีรถไฟหรือสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย
ทีนี้ผมจะเข้าสู่การรีวิวห้องพักที่ได้ใช้บริการจากการไปเที่ยวโตเกียวครั้งที่ผ่านมาครับ
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ทำการหาที่พักจากเว็บจองโรงแรมต่างๆ แต่ช่วงนั้นห้องที่น่าสนใจหลายห้องกลับเต็มหมด เหลือแต่ห้องที่อยู่ไกลตัวเมืองออกไปพอสมควร เลยหันมาเพิ่ง Airbnb เผื่อมีห้องที่ถูกใจเหลืออยู่
ผมทำการหาห้องอยู่สองถึงสามวัน เอาข้อมูลแต่ละห้องมาเปรียบเทียบกันว่าห้องไหนน่าสนใจและเหมาะกับกลุ่มผมที่มีกัน 5 คนที่สุด จนตัดสินใจเลือกห้องที่อยู่ใกล้กับ Tokyo Station และ Tokyo Metro หลายสายรอบๆ ส่วนสถานีที่ใกล้ที่สุดนั้นคือสถานี Nihonbashi และ Kayabacho ซึ่งสองสถานีนี้จะมีสายรถไฟอยู่หลายสายคือสาย Ginza, Asakusa, Tozai, Hibiya, Hanzomon หรือแม้แต่สาย JR Yamanote ก็สามารถเดินไปได้เพียง 10-15 นาทีเท่านั้น สำหรับ Tokyo Station เรียกได้ว่าครบมากๆสำหรับที่ตั้งของห้องนี้ นั่นคือห้องที่ Park Luxe Nihonbashi
ตำแหน่งที่พักจะอยู่ใกล้กับรถไฟหลายสาย ใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
หลังจากทำการจองห้องพักเสร็จสิ้น โนริซังเจ้าของห้อง ได้ทำการส่งรายละเอียดของห้องพักพร้อมวิธีการเช็คอิน/เช็คเอาท์มาให้ทางอีเมล์ หลังจากนั้นก็เพียงแค่รอเวลาเดินทางเท่านั้น เวลาที่เราทำการเช็คอินและเช็คเอาท์นั้น ต้องทำการแจ้งให้กับเจ้าของห้องได้รับทราบด้วย
เมื่อผมเดินทางมาถึงที่พัก ผมก็ทำตามขั้นตอนที่เจ้าของห้องได้แจ้งไว้ ซึ่งวิธีการนี้จะไม่เหมือนกันและแต่เจ้าของห้องจะกำหนดมาให้ พอผมได้รับกุญแจแล้วก็ทำการเข้าห้องไปแบบปกติ ว่าง่ายๆเลยคือเหมือนเราเช่าคอนโดฯห้องนึงนั่นเอง
เพิ่มเติมเล็กน้อยสำหรับห้องนี้ Park Luxe Nihonbashi เป็นอพาร์ทเมนท์ใหม่ สร้างเสร็จเมื่อกลางปี 2014 ราคาขายต่อห้องค่อนข้างสูง มีระบบรักษาความปลอดภัยดีระดับหนึ่ง และที่สำคัญคือมีความเป็นส่วนตัวสูง และทำเลดีไม่มีคนพลุกพล่านเลย
ห้องพักที่นี่จะต้องแตะบัตร(แต่เป็นกุญแจ)ผ่านประตูสองชั้น แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้อง ประตูห้องพักที่นี่จะมีน้ำหนักมากและแน่นหนามาก เพราะสร้างมาเพื่อป้องกันลม ดังนั้นเวลาเปิดอาจจะต้องใช้แรงพอสมควร พอเข้ามาในห้องจะเจอโถงทางเดินกับตู้เก็บของสร้างเต็มพื้นที่จนถึงเพดาน ในนั้นจะมีพวกของใช้ในการนอนเล็กน้อยซ่อนอยู่ และมีร้มให้ด้วย รองเท้าก็ให้ถอดไว้บริเวณนี้
ห้องแรกที่จะเจอ จะเป็นห้องนอน ซึ่งสามารถนอนได้สองคน และมีตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in closet เล็กๆในห้องนี้ ห้องนี้จะมีหน้าต่างบริเวณหัวนอนเราด้วย ดังนั้นตอนช่วงวันจะได้รับแสงจากภายนอกไม่รู้สึกอึดอัด (แต่ปกติคงออกไปเที่ยวกันหมดแหละเวลานั้น) พร้อมถังขยะแบบแบ่งประเภทตั้งอยู่ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นนั้นเคร่เรื่องการแยกขยะมาก ซึ่งแต่ละเขตนั้นจะมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน
ถัดมาอีกห้องหนึ่ง จะเป็นห้องน้ำสำหรับทำธุระหนัก/เบา มีแผงควบคุมอยู่ด้านข้าง
ห้องถัดมาจะเป็นห้องอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และมีตู้ซักผ้าให้ด้วย ที่เก็บของซ่อนไว้ตามจุดต่างๆเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้หรอกครับ เพราะเรามาพักชั่วคราวเท่านั้น หลังกระจกจะมีไดร์เป่าผมให้ด้วย
ห้องอาบน้ำจะปูด้วยพื้นพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง และกันลื่น สามารถอาบได้ทั้งแบบชาวเวอร์และแช่ในอ่าง การควบคุมอุณหภูมิของน้ำนั้นต้องเปิดที่แผงควบคุมที่อยู่ข้างประตู(ในภาพจะมองไม่เห็น แต่จะอยู่ทางขวาของภาพ) ซึ่งในบริเวณห้องนั่งเล่นก็สามารถเปิดแผงควบคุมนี้ได้เช่นเดียวกัน และยังมีราวตากผ้ากับฮีทเตอร์เป่าผ้าให้แห้งไวอีกด้วย
ในห้องนี้จะมีครีมอาบน้ำกับยาสระผมให้ใช้ฟรี แถมยังมีเครื่องซักผ้าให้ใช้อีกด้วย แต่อาจจะงงๆหน่อยนะครับ ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น ถึงจะมีภาษาอังกฤษแนะนำ แต่อาจจะต้องเสียเวลากับการมั่วสักหน่อย
อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่พอสมควร หลังกระจกเป็นที่เก็บของเล็กๆ ส่วนของอ่างล้างหน้ากับห้องอาบน้ำถือเป็นส่วนเดียวกัน ดังนั้นถ้าจะล็อคห้อง ก็ล็อคได้แค่ประตูห้องที่มีอ่างล้างหน้าเท่านั้น
ส่วนนี้คือห้องนั่งเล่น ที่โนริซังได้จัดเป็นห้องนอนทั้งหมด ในห้องจะมี 1 เตียงใหญ่แบบห้องนอนแรก และโซฟา 2 ตัวที่ปรับเป็นที่นอนได้ ห้องนี้จะรองรับได้ 4 คนแบบสบายๆ ส่วนหลังผ้าม่านนั้นจะเป็นระเบียง แต่โนริซังไม่อนุญาติให้ออกนอกระเบียงครับ (ไม่รู้จะออกไปทำไมเหมือนกัน เพราะมันไม่มีอะไรเลย) ทางขวาจะเป็นห้องครัวเล็กๆ และห้องนี้จะแถม Pocket Wifi มาให้ 1 เครื่องเอาไปใช้ได้
ทางขวาจะมีครัวขนาดเล็ก มีอ่างล้างจาน เตาสองหัว เตาอบขนาดเล็กจิ๋ว ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่องทำน้ำร้อน ตู้เย็น ช่องเก็บอุปกรณ์ต่างๆ และถังขยะแยกประเภท เรียกได้ว่ามาทำอาหารกินในนี้ยังได้เลยล่ะ อุปกรณ์ค่อนข้างครบสำหรับการทำอาหารทานเอง
หันกลับมาดูที่มุมนั่งเล่นก็จะมีโต๊ะเล็กๆ พร้อมไกด์บุ๊คสำหรับเที่ยวโตเกียวให้ยืม (อย่าลืมคืนนะ) ห้องนี้ตามมุต่างๆจะมีหัวเสียบไฟเยอะพอสมควร แต่ถ้ามากันหลายคนผมแนะนำให้พกรางปลั๊กมาด้วยครับ
ผมค่อนข้างถูกใจกับห้องนี้มาก มีข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป จึงอยากจะขอสรุปให้เข้าใจกันง่ายๆดังนี้
ข้อดี
– ราคาต่อคนถูกมาก ตกอยู่ที่ประมาณ 1100 บาท ต่อคน ต่อคืน สำหรับ 5 คน
– ทำเลดีมาก เพราะสายรถไฟล้อมรอบและมีสถานีอยู่ใกล้ที่พักมาก
– เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่มีคนพลุกพล่านบริเวณที่พัก
– พักผ่อนได้อย่างสบายใจ การทำธุระต่างๆในห้องน้ำและห้องอาบน้ำนั้นสะดวกสบายมาก
ข้อเสีย
– ไม่มีคนมาเก็บกวาดห้องให้จนกว่าจะเช็คเอาท์ อันนี้ไม่แปลกใจ แต่ห้องอาจจะรถมากถึงมากที่สุด ซึ่งโรงแรมจะมีคนคอยจัดการให้ทุกวัน
– ถ้าลากกระเป๋ามากันทุกคน ห้องนี้จะแคบจนไม่มีที่วางกระเป๋า ซึ่งอาจจะต้องวางกระเป๋าขวางทางเดินบ้าง
– ต้องเตรียมของใช้ส่วนตัวมาเอง ไม่งั้นก็หาซื้อได้จากคอมบินิใกล้ๆที่พัก
– ไม่มีทีวีให้ดู
ห้องนี้ผมว่าเป็นห้องที่สวยดีนะครับ ถ้าเอามาตกแต่งสำหรับอยู่อาศัยก็คงจะออกมาสวยน่าอยู่มาก เห็นแบบนี้แล้วก็อยากมีห้องแนวๆนี้เป็นของตัวเองบ้างเหมือนกัน
แล้วก่อนจะเช็คเอาท์ก็ควรจะเก็บขยะให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ต่อมาจะเป็นภาพบริเวณหน้าอพาร์ทเมนท์นี้
ถ้าสนใจห้องนี้ลองหาดูใน Airbnb นะครับ อาจจะเจอห้องที่ถูกใจกว่านี้ก็ได้ และขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ ผมแนะนำเลยครับสำหรับห้องพักใน Airbnb
