** ในบทความนี้จะของเน้นเกี่ยวกับรถไฟในเมืองเป็นหลัก **
ประเทศญี่ปุ่นก็อย่างที่รู้ๆกันดีว่า ทางเลือกของการเดินทางอันดับที่หนึ่งคือ การเดินทางด้วยรถไฟ เพราะรถไฟนั้นเชื่อมต่อไปในทุกๆส่วนของประเทศ ถึงจะยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้การเดินทางนั้นสะดวกและง่ายขึ้นมาก และการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ต้องเพิ่งการใช้บริการด้วยรถไฟเป็นหลัก แล้วการใช้รถไฟของบ้านเรากับบ้านเค้านั้นไม่เหมือนกัน จะมีเรื่องจุกจิกเล็กน้อยที่ต่างกัน แต่สำคัญมากสำหรับประเทศของเค้า ทีนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน
1. เสียงเมโลดี้ตามสถานีมันหลอนเหลือเกิน
มีใครเคยสังเกตไหมว่าตามสถานีรถไฟต่างๆ(แต่ไม่ทั้งหมด)จะมีเสียงเมโลดี้ประกอบเสมอ เสียงเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อรถไฟขบวนนั้นๆจอดเทียบท่าแล้วเท่านั้น และในแต่ละสถานีจะมีเสียงเมโลดี้ที่ไม่เหมือนกัน บางสถานีจะมีเสียงที่ต่างออกไปจากสถานีอื่นๆ พอฟังนานๆแล้วจะรู้สึกหลอนในหัว แล้วก็จะหลอนคำพูดต่างๆอีกมากมาย
ส่วนของผมนั้นพอได้ยินเสียงเหล่านั้นแล้วจะคิดถึงประเทศญี่ปึ่นขึ้นมาเลยล่ะ
ตัวอย่างระหว่างรถวิ่งพร้อมเสียงเมโลดี้
2. ไม่คุยโทรศัพท์ขณะอยู่บนรถไฟ
การคุยโทรศัพท์บนรถไฟนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าบ้านเราก็เป็นเรื่องปกติมากครับ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่ครับ รถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นเงียบมากครับ การคุยโทรศัพท์นั้นถือเป็นเรื่องเสียมารยาทสำหรับเค้าเลยล่ะ คนญี่ปุ่นนิยมติดต่อกันผ่านข้อความหรือแชทเอาครับ ดังนั้นก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจถ้าจะเห็นหลายๆคนนั่งก้มหน้าจิ้มมือถือกันเยอะ แต่ถ้ามีความจำเป็นหรือเรื่องฉุกเฉินที่จะต้องคุยโทรศัพท์ ก็ควรจะลงจากรถเพื่อคุยโทรศัพท์ครับ
3. รถไฟที่ญี่ปุ่นนั้นเงียบมาก
ใช่แล้วครับ มันเงียบจริงๆ แต่ไม่ได้หมายถึงรถไฟมันวิ่งแล้วไม่มีเสียงนะ (555) แต่เพราะว่าคนที่ใช้บริการรถไฟนั้นไม่คุยกันเลย ถึงจะมีบ้างเล็กน้อยแต่ก็เสียงเบามาก ไม่ค่อยพูดกันเสียงดังสักเท่าไร ดังนั้นพวกเราก็ไม่พูดคุยเสียงดังบนรถไฟกันเนอะ
4. หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเวลาเร่งรีบ (ในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว)
เพราะอะไรน่ะหรือ .. นั่นก็เพราะว่ามนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นจะแห่กันใช้บริการรถไฟกันหมดน่ะสิ ! คุณอาจจะโดนเบียด อัด จนแทบจะรวมร่างกับคนอื่นๆในรถไฟกันได้เลยล่ะ แล้วเค้าก็พยายามยัดกันจริงๆนะ แบบอัดเขาไปจนคุณไม่สามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเอง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นกับรถไฟทุกสาย ถ้าให้ดีแนะนำให้หลีกเลี่ยงจะดีกว่า อ่อ .. ช่วงเวลาเร่งด่วนนี้คือประมาณ 7-8 โมงเช้า ที่สำคัญอีกเรื่องคือ ผมแนะนำว่า อย่า ลากระเป๋าเดินทางมาใช้รถไฟในช่วงนี้ เพราะคุณจะถูกมองด้วยสายตาที่น่ากลัวจากคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน หรือถ้าคุณยืนงงๆมึนๆขวางทางคนญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ คุณอาจจะถูกผลักก็ได้ เพราะคุณกำลังขวางทางเดินของเค้า (แล้วแต่สถานี)
กรณีนี้ถ้าเป็นเมืองอื่นๆคงไม่ค่อยมีปัญหา
5. ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไทยน้ำใจงามลุกให้เด็กหรือคนชรานั่ง
อ้าว .. เรื่องดีๆแบบนี้ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องทำก็ได้ ก็เราอยากแสดงน้ำใจให้คนญี่ปุ่นนี่ ? รถไฟที่ญี่ปุ่นนั้นจะมีที่นั่งพิเศษสำหรับคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว เช่น คนชรา สตรีมีครรภ์ หรือคนพิการ พวกเค้าจะรู้ตัว ถ้าอยากนั่งเค้าก็ไปนั่งตรงนั้นเอง ซึ่งจะอยู่หัวและท้ายของตู้รถเสมอ เรื่องเด็กนั้น ผมเคยได้ยินเคสนึง คือมีคนเห็นเด็กเล็กขึ้นรถไฟมากับแม่ แล้วคนนั้นก็ใจดีลุกให้เด็กนั่ง แต่แม่ของเด็กคนนั้นกลับไม่พอใจซะย่างงั้น เหตุผลก็ประมาณ เค้ารู้สึกว่านั่นคือการส่งเสริมให้ลูกเค้าไม่รู้จักความอดทนเป็นต้น ส่วนการที่นั่งปกตินั้น จะนั่งก็นั่งไปเลย อยากยืนก็ยืนไปเลย ไม่มีใครสนใจหรอกว่าคุณเป็นคนไม่มีน้ำใจไม่ลุกให้คนอื่นนั่ง เช่น ผู้หญิงเป็นต้น
เด็กเล็กๆเค้าก็เดินทางไปกลับด้วยรถไฟกันเองนะ เก่งมากๆเลย
6. มีของอะไร ก็เอาไปวางบนชั้นวางได้
ทุกที่นั่งด้านบนจะมีชั้นวางของอยู่ คุณสามารถเอาไปวางได้ ไม่ว่าคุณจะนั่งหรือยืน ชั้นวางนั้นไม่ได้ล็อคไว้ว่าใช้สำหรับคนที่นั่งตรงนั้น ถ้าคุณยืนตรงนั้นคุณก็วางได้ ถ้ามันมีที่ว่างให้วาง แต่อย่าลืมล่ะ ไม่งั้นต้องตามหากันวุ่นวายเลย
7. รถไฟบางขบวนจะต้องเปิดหรือปิดประตูด้วยตัวเอง
ส่วนมากเป็นรถนอกเมือง ซึ่งเราจะต้องกดเปิดประตูด้วยตัวเอง แล้วสามารถกดปิดได้ด้วยตัวเองเช่นกัน บางขบวนจำเป็นจะต้องจอดแช่รอออกรถ ก็อาจจะเปิดประตูค้างไว้ แต่ถ้าอากาศหนาวๆคงไม่ดีนักถ้าจะต้องเปิดเอาไว้ตลอด เค้าเลยมีปุ่มให้กดปิดประตูได้ด้วย ส่วนขาขึ้นก็ไม่ต้องตกใจ ถ้ารถไฟมาจอดแล้วมันไม่เปิดประตูรับเรา อย่าเพิ่งงอนร้องไห้วิ่งไปฟ้องนายสถานีนะ (555) ข้างๆประตูจะมีปุ่มกดเปิดประตูอยู่ครับ
8. ควรศึกษาวิธีการเดินทางโดยรวมเอาไว้เเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
จริงๆก็อาจจะไม่ถึงขั้นจะต้องหาเส้นทางสำรองไปซะทุกครั้ง แต่ควรจะศึกษาแผนที่รถไฟหรือการเดินทางอื่นๆคร่าวๆเอาไว้บ้าง เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้ต้องเสียเวลาได้ เช่น มีคนโดดรถไฟหวังจะฆ่าตัวตายเป็นต้น ผมเคยเจอมาครั้งนึง ตอนนั้นก็นัดเพื่อนเอาไว้ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุอะไร รู้แค่ว่าเค้าปิดสถานีไม่ให้เข้า ก็เลยเดินไปขึ้นรถไฟอีกสายหนึ่งแทน ซึ่งห่างกับสถานีนี้มาก ก็เลยทำให้เสียเวลาพอสมควรเลยล่ะ
หน้าจอข้อมูลรถไฟจะอัพเดทให้เราตลอดเวลา ลองไปยืนอ่านเล่นๆกันก็ได้นะครับ
9. ลองไปยืนที่หัวหรือท้ายขบวนสิ
รถไฟที่ญี่ปุ่นนั้นสามารถไปยืนมองกระจกออกไปที่หน้าหรือท้ายขบวนได้ ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพบรรยากาศแบบนี้ก็ลองไปขึ้นที่หัวหรือท้ายขบวนกันนะครับ บางสายน่าจะได้เห็นภาพสวยๆเลยแหละ อย่างเช่นสาย Yurikamome ที่วิ่งไปโอไดบะ วิวสวยดีนะ แนะนำเลย
10. ระวังขึ้นรถผิดแม้ว่าจะเป็นรถสายเดียวกัน
รถไฟแต่ละสายนั้นไม่ได้วิ่งเหมือนกันทั้งหมด บางสายจะมีรถพิเศษเช่น Rapid ที่จะวิ่งข้ามบางสถานีไป หรือถ้าเป็นสายที่ขึ้นว่า Local นั้นก็จะจอดทุกสถานีที่ผ่าน แต่ก็จะใช้เวลาเดินทางที่นานกว่าเช่นกัน กรณีนี้จะเหมือนกับรถไฟชินคันเซ็นนั่นเอง แนะนำให้ดูป้ายบอกเวลารถให้แน่ใจก่อนขึ้นรถ ซึ่งผมก็เคยพลาดมาแล้วเหมือนกัน เพราะว่ารีบวิ่งขึ้นรถไฟโดยไม่ได้มองว่ามันเป็นรถแบบ Rapid รถมันก็วิ่งเลยสถานีที่ผมต้องการจะลงไปเฉยเลย
นี่ก็เป็น 10 เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆก็ยังมีเรื่องอีกเยอะแยะมากมายเลยล่ะ แต่ 10 เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมมองว่าน่าสนใจและสำคัญ เลยอยากจะนำเสนอให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เรื่องราวในประเทศญี่ปุ่นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ไว้โอกาสหน้าจะมานำเสนอเรื่องราวใหม่ๆให้เพื่อนได้อ่านกันอีกครับ !