ราเมงคงเป็นสิ่งคุ้นเคยอยู่แล้วในบ้านเรา ซึ่งความจริงแล้วราเมงมีหลายประเภท หนึ่งในนั้นก็คือ ซึเคะเมง หรือราเมงแยกน้ำนั้นเอง คล้ายๆ กับหมี่เย็น แต่เสน่ห์ของซึเคะเมงจะอยู่ที่น้ำซุปที่มักจะใช้กระดูกหมูและอาหารทะเลต่างๆ มาเป็นวัตถุดิบในการทำ
ครั้งนี้เราขอแนะนำ 5 ร้านซึเคะเมงที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปที่โตเกียวให้ได้ลองไปชิมกัน
1. ร้านซึเคะเมงเอ็งจิ (Tsukemen Enji) / สถานีคิจิโจจิ
จุดเด่นของที่นี่ก็คือน้ำซุป ต้มด้วยกระดูกหมูและผสมกับอาหารทะเล ทำให้น้ำซุปที่ได้ออกมามีความเข้มข้นกลมกล่อม เมนูพื้นฐานของที่นี่ก็คือ “เบะจิโปตะ-ซึเคะเมง”
จากสถานีชิบุยะหรือชินจูกูก็สามารถตรงไปถึงสถานีคิจิโจจิได้โดยตรง ร้านนี้อยู่บริเวณสถานีโคจิโจจิ แหล่งชอปปิ้งอีกแห่งของกรุงโตเกียว จากสถานีโคจิโจจิ (Kochijoji Station) ทางออกฝั่งใต้ (Park Exit) เพียง 1 นาที จุดสังเกตร้านจะอยู่ติดกับแมคโดนัลด์
ร้านนี้ต้องกดสั่งจากเครื่องกดอัตโนมัติค่ะ หมดห่วงได้เลยว่าจะสั่งไม่ได้
เวลาเปิด-ปิด : จันทร์-ศุกร์ ช่วงกลางวัน 11.00-16.00 ช่วงเย็น 17.30-22.00(Late Order)
วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปี ปิดเฉพาะช่วงเทศกาลโอบ้ง
ราคา : ไม่เกิน 1,000 เยน
2. ร้านโระคุรินชะ (Rokurin sya) / สถานีโตเกียว
ร้านนี้อยู่ที่สถานีโตเกียว (Tokyo station) ชั้น 1 โซน Tokyo Ramen Street ค่ะ น้ำซุปของร้านต้มด้วยกระดูกหมูและไก่ ผสมกับปลาแห้งต่างๆ เคี่ยวได้ที่จนได้เป็นน้ำซุปที่มีลักษณะเฉพาะ
แน่นอนว่าเมนูเด็ดของร้านนี้คือ ซึเคะเมง เมื่อทานคู่กับปลาป่นจะยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก
เวลาเปิด-ปิด : ช่วงเช้า 07.30-09.45(Late Order 09.30) ช่วงกลางวัน 10.30-23-00(Late Order 22.30)
วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปีไม่มีวันหยุด
ราคา : ไม่เกิน 1,000 เยน
3. ร้าน TETSU / ย่านเซ็นดะงิ
ร้านนี้มีความต่างตรงที่ช่วงกลางวันและช่วงเย็นน้ำซุปจะไม่เหมือนกัน โดยที่ช่วงกลางวันจะเป็นน้ำซุปกระดูกหมู ส่วนช่วงเย็นเป็นน้ำซุปไก่ มีราเมงสองชนิดให้เลือกทานคือ “ฮิยะโมริ” (ราเมงแยกน้ำแบบแห้ง) และ “อะซึโมริ” (ราเมงแยกน้ำแบบมีน้ำขลุกขลิก)
นอกจากนี้ยังสามารถทานร่วมกันได้อีกด้วย และนั้นก็คือเมนูเด็ดของร้านนี้! “ซึเคะอะซึ” จะได้เส้นทั้ง 2 ชนิด เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปเข้มข้นของทางร้าน รับรองว่าต้องอิ่มแน่นอน
ร้านนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากสถานีรถไฟพอสมควร ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ทั้งจากสถานีนิชิ-นิปโปะริ (Nishi-Nippori) โดยรถไฟ JR สายยามาโนะเทะ (Yamanote Line) และ จากสถานีเซ็นดะงิ (Sendagi) ทางออกที่ 2 โดยรถไฟใต้ดินสายชิโยดะ (Chiyoda Line)
เวลาเปิด-ปิด : ช่วงกลางวัน 11.00-17.00 (น้ำซุปกระดูกหมู+เส้นหนา) ช่วงเย็น 17.00-23.00 (น้ำซุปไก่+เส้นหนา)
วันหยุด : เปิดตลอดทั้งปีไม่มีวันหยุด
ราคา : ไม่เกิน 1,000 เยน
4. ร้านซึเคะเมง มิจิ (Tsukemen Michi) / ย่านคาเมะอาริ
ร้านนี้อยู่ไกลจากตัวเมืองนิดหน่อยนะคะ ต้องนั่งรถไฟ JR สายโจบัน (Joban Line) ลงสถานีคาเมอาริ (Kameari Station) ทางออกเหนือ (North Exit) ใช้เวลาเดินประมาณ 2 นาทีจากสถานีรถไฟ ร้านนี้เป็นเคาท์เตอร์เล็กๆ ที่นั่งได้ครั้งละ 4 คนเท่านั้น จึงต้องต่อแถวรอหน่อยนะคะ
ด้วยน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น ทานคู่กับเส้นหนานุ่มสูตรพิเศษ เท่านี้ก็คุ้มค่ากับที่เสียเวลารอแล้ว
เวลาเปิด-ปิด : พุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่ 11.00 จนกว่าน้ำซุปจะหมด (ประมาณ 6 โมงเย็น- 1 ทุ่ม)
วันหยุด : จันทร์-อังคาร ขายเฉพาะชิโอะราเมงค่ะ
ราคา : ไม่เกิน 1,000 เยน
5. ร้านโอะโบโระซึคิ (Ginza Oboroduki) / ย่านกินซ่า
ความหอมจากน้ำซุปจากกระดูกหมูที่ผสมกับอาหารทะเลต่างๆสามารถเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ การใส่หอมหัวใหญ่เพิ่มเข้าไป ทำให้เกิดเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ เมนูยอดนิยมของที่นี่ก็คือ “โทะคุเซซึเคะเมง” หรือซึเคเมงสูตรพิเศษนั่นเอง
จุดสังเกตของร้านจะมีสัญลักษณ์เป็นสีขาวอย่างนี้ค่ะ
เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา ช่วงกลางวัน 11.30-15.30 ช่วงเย็น 17.30-22.00
วันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงกลางวัน 11.30-15.30 ช่วงเย็น 17.30-21.00
วันหยุด : ไม่มีวันหยุด
ราคา : ไม่เกิน 1,000 เยน
น่าสนใจใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าได้ไปโตเกียวล่ะก็ อย่าลืมไปลองทานกันให้ได้นะคะ
เพิ่มเติม
Tsukemen Enji https://tabelog.com/en/tokyo/A1320/A132001/13104794/
Rokurin sya https://tabelog.com/en/tokyo/A1302/A130201/13093047/
TETSU https://tabelog.com/en/tokyo/A1311/A131105/13022583/
Tsukemen Michi https://tabelog.com/en/tokyo/A1324/A132403/13094595/
Ginza Oboroduki https://tabelog.com/en/tokyo/A1301/A130101/13118141/
แหล่งที่มาและภาพประกอบ : https://icotto.jp/presses/1844?lid=area_related_ranking_3