Photo: Lim Chee WahTonkatsu Hasegawa
โตเกียว (Tokyo) นั้นเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน และตั้งแต่ปี 2017 ร้านอาหารทั้งเมืองก็กวาดดาวมิชลินสตาร์ไปแล้วกว่า 314 ดวง จากร้านอาหารทั้งหมด 234 ร้าน แต่ว่าอย่างที่รู้กันดีว่าส่วนใหญ่ร้านอาหารติดดาวก็มักจะมีราคาแพง แต่จริง ๆ แล้วในโตเกียวก็ยังมีร้านอาหารคุณภาพดีที่ราคาน่ารักขายอยู่เหมือนกัน โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ร้านไหนในโตเกียว มีเมนูอาหารราคาอยู่ในช่วง 1,000 เยน หรือประมาณ 282 บาทมาฝากกัน จะมีร้านไหนบ้างตามมาดูกันเลย!
ประเดิมกันที่ร้านราเม็งกันก่อนเลย
Konjiki Hototogisu
Hatagaya
ร้านนี้ได้ 1 ดาว / ขายราเม็งที่ชามละ 900 เยนเท่านั้น
ร้านโซบะ Konjiki Hototogisu เป็น 1 ใน 3 ของร้านอาหารติดดาวในปี 2019 นอกเหนือจากร้าน Tsuta และ Nakiryu โดยมีเมนูเด็ดของร้านคือ โซบะซอสโชยุ ที่จะเสิร์ฟพร้อมน้ำซุป 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นซุปกระดูกหมู ซุปญี่ปุ่น และซุปหอยแครง ที่ช่วยเพิ่มความหอมหวานของอาหารทะเลให้กับเมนูนี้ ก่อนเสิร์ฟทางร้านก็จะเหยาะซอสเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดพอชชินี่ โรยหน้าด้วยเบคอนและซอสผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานอาหาร นอกจากนี้ทางร้านยังปรุงรสด้วยเกลือ 2 ชนิด ทั้งเกลือมองโกเลียและเกลือโอกินาว่า รับรองได้ว่าอร่อยเด็ดจนต้องยกซดซุปทั้งชามอย่างแน่นอน
ร้านเด็ดร้านถัดไป
Onigiri Asakusa Yadoroku
Asakusa
ร้านนี้ได้รางวัล Bib Gourmand / ข้าวปั้นร้านนี้ ราคา 280 เยนเท่านั้น
ร้าน Yadoroku ตั้งอยู่ข้างหลังวัด Sensoji ใน Asakusa โดยเป็นร้านข้าวปั้นที่เก่าแก่ที่สุดใน Tokyo เลยก็ว่าได้ ซึ่งคุณสามารถเลือกท็อปปิ้งได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน พลัม ไข่ปลาพอลลอค หรือปลาแผ่นแห้ง ราคาเข้าถึงง่าย เพียง 280-330 เยนเท่านั้น ส่วนเซ็ตอาหารกลางวันนั้นอยู่ที่ 690 เยน โดยจะได้ข้าวปั้น 2 ลูก ซุปมิโซะและเต้าหู้ และผักดอง โดยร้านเปิดให้บริการจนถึงตี 2 เลยล่ะ ดึกๆ ถ้าหิวก็แวะมากินกันได้
ร้านต่อมาเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น
Ryukyu Chinese Tama
Shibuya
ร้านนี้ได้รางวัล Bib Gourmand / ราคาอาหารอยู่ที่จานละ 1,000 เยนหรือต่ำกว่า
โดยร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารสไตล์โอกินาว่าและจีน ซึ่งจะมีข้าวเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ทีเด็ดอยู่ที่กับข้าวที่ทำจากเนื้อวัววากิว และมีเบียร์รสเลิศที่หาทานได้ยาก ราคาก็โดนใจ เพราะทุกจานนั้นต่ำกว่า 1,000 เยน หากอยากจิบไวน์ก็ได้เช่นกัน โดยราคาของไวน์จะติดอยู่ที่ขวด ร้านนี้มีให้เลือกทานหลายอย่างตามงบ เปิดให้กินกันดึกจุใจถึงตี 3 เลยล่ะ
Photo: Kisa Toyoshima
มาต่อกันที่ร้านอาหารอีกร้าน
Toritsune Shizendo
Suehirocho
ร้านนี้ได้รางวัล Bib Gourmand เช่นกัน / มีเมนูข้าวหน้าไก่และไข่ในราคาชามละ 1,100 เยน
เนื้อไก่เป็นเมนูขึ้นชื่อของ Suehirocho ที่นี่มีอาหารจากสัตว์ปีกให้เลือกมากมาย ซึ่งราคาก็หลากหลาย โดยเมนูที่แพงที่สุดในร้านเป็นชุดมื้อเย็นราคา 10,000 เยน ซึ่งคุณจะได้รับประทานเนื้อไก่ชั้นเลิศ แบบที่คุณจะไม่เคยได้ทานที่ไหนมาก่อนเลยล่ะ
ส่วนเมนูราคาถูกของร้าน Shizendo นั้นก็จะเป็นชุดอาหารกลางวันที่ทำมาจากไก่ โดยเมนูข้าวหน้าไก่และไข่หรือโอยาโกะด้ง Oyakodon นั้นเสิร์ฟคู่กับอาหารที่ต่างกันถึง 6 อย่าง โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,100 เยน แต่ร้านนี้อาจจะต้องรอคิวนานนิดนึงนะ ถ้าใครอยากสั่งโอยาโกะด้ง (Oyakodon) แบบพิเศษเอาแบบเยอะๆ จุกๆ ราคาก็จะขึ้นไปที่ 1,800 เยน ส่วนเมนู Tokujo Motsu-iri Oyakodon ราคาอยู่ที่ 2,100 เยน ใช้ข้าวเกรดพรีเมียม และแน่นอนว่าไก่และไข่ก็พรีเมียมเช่นกัน
Photo: Lim Chee Wah
ร้านอาหารจีน
Chuka Kosai Jasmine
Hiroo
ร้านนี้ได้รางวัล Bib Gourmand / วันธรรมดา เซ็ตอาหารกลางวันอยู่ที่ 1,100 เยน
นี่แหละร้านอาหารจีนที่ดีที่สุดในย่าน Shibuya คัดข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ดีมาจาก Szechuan มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้มันยังทิ้งความนุ่มละมุนเอาไว้บนปลายลิ้นอีกด้วย
ถ้าจะกินมื้อเย็นที่ร้านนี้ สนนราคาอยู่ที่ 4,000 เยนหรือแพงกว่านั้น แต่พิเศษสำหรับข้าวกลางวันในวันธรรมดา ราคาเซ็ตข้าวต่าง ๆ ลดราคาเหลือเพียง 1,100 เยนเท่านั้น นอกจากจะได้ข้าว ซุป และเครื่องเคียงแล้ว ราคานี้ยังรวมค่าของหวานเอาไว้แล้วอีกด้วย โดยที่ร้านมีเมนูแนะนำคือ เต้าหู้ mapo ราคาอยู่ที่ 250 เยนเท่านั้น เป็นการล้างปาก หลังทานผลิตภัณฑ์จากหมู น้ำส้มสายชูสีดำ และไก่ผัดซอสเข้าไปได้เป็นอย่างดี
Photo: Kirsty Bouwers
ร้านซูชิ
Meguro Sushi Taichi
Yutenji
ร้านนี้ก็ได้รางวัล Bib Gourmand / ข้าวเปรี้ยวซูชิ 1,000 เยนเท่านั้น
ปกติแล้ว ร้าน Meguro Sushi Taichi จะเสิร์ฟเมนู Barachirashi หรือข้าวเปรี้ยวซูชิเพียงวันละ 12 ที่เท่านั้น และถ้าต้องการตัวเลือกมากขึ้น ก็จะมีเมนูแบบเป็นเซ็ต 3,250 เยน โดยต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
แต่ถ้าหากว่าคุณโชคดีมาทานมื้อกลางวันที่ร้านนี้ได้ทัน ก็จะได้ชิม Barachirashi ชามใหญ่ เสิร์ฟพร้อม Chawanmushi, ซุปมิโซะ และของหวานอีกนิดหน่อย โดยเซ็ตนี้สนนราคาอยู่ที่ 1,000 เยนเท่านั้น ซึ่งข้าวเปรี้ยวซูชิ Barachirashi นั้นทำสดใหม่ทุกวัน โดยเปลี่ยนจากการหั่นจากชิ้นซาซิมิ มาเป็นแบบลูกเต๋า นอกจากนี้ทางร้านยังแถมไข่เจียว สาหร่าย และแตงกวามาให้เพิ่มอีกด้วย
Photo: Lim Chee Wah
ร้านอาหารญี่ปุ่น
Tonkatsu Hasegawa
Ryogoku
ร้านนี้ได้รางวัล Bib Gourmand / หมูทอดทงคัทซึราคา 1,000 เยน
ร้านนี้พิเศษตรงที่ใช้เกลือสีชมพู ซึ่งจะทำให้เนื้อมีรสหวานตามธรรมชาติ ปกติแล้วทางร้านจะเปิดให้ทานมื้อเที่ยงและมื้อเย็นเป็นหลัก แต่มื้อกลางวันจะพิเศษหน่อย หากสั่งเป็นเซ็ตจะได้ได้ของกินมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าว ซุปมิโซะ และผักดอง โดยทางร้านมีเมนูอาหารราคาพิเศษ สำหรับมื้อเที่ยง หมูสันนอกราคาเพียง 1,000 เยนเท่านั้น ส่วนใครที่มาสั่งมื้อเย็น จะได้ทานในราคา 1,500 เยน นอกจากนี้ยังมีหมูสันนอกเวอร์ชั่นซุปเปอร์พรีเมียมขายด้วยเช่นกัน สนนราคาอยู่ที่ 2,800 เยน โดยเนื้อหมูจะหนามาก แต่ยังเห็นชั้นหินอ่อนระหว่างไขมันสีขาวที่ค่อย ๆ ละลายลงมา อร่อยเลิศ ต้องตามมาลองนะทุกคน
ร้านราเม็ง
Japanese Soba Noodles Tsuta
Sugamo
ร้านมิชลินสตาร์ 1 ดาว / ราเม็งชามละ 800 เยน
ถ้าหากคุณอยากจะทานอาหารระดับมิชลินสตาร์ในราคาที่ถูกที่สุดในประเทศญี่ปุ่น คุณต้องไปถึงร้าน Tsuta ก่อน 8 โมงเช้า ถึงจะมีโอกาสได้ทานราเม็งร้านนี้ โดยเรื่องคิวก็เข้มงวดสุดๆ เพราะเชฟ Yuki Onishi จะยอมให้คุณทานราเม็งเมื่อคุณต้องมาต่อคิวด้วยตัวเองเท่านั้น
Onishi ใช้วัตถุดิบชั้นยอดอย่างเห็ดทรัฟเฟิลสีดำมาใช้ในการปรุงราเม็ง นอกจากนี้ยังใช้เห็ดเข็มทองกับน้ำซุปที่ปรุงอย่างดีจากซอสถั่วเหลืองมาเคี่ยวจนข้นให้เข้ากันดี จากนั้นจึงใส่เส้นโซบะสีขาวนวลลงไปในน้ำซุปใสๆ ที่มีรสของถั่วนิดๆ และมีเนื้อหมูฉ่ำๆ เท่านี้ก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุดๆ แล้วล่ะ
ร้านราเม็ง
Nakiryu
Otsuka
ระดับ 1 ดาวมิชลิน / ราเม็งราคาเริ่มต้นที่ 850 เยน
ร้านราเม็งร้านที่ 2 ที่ได้ดาว Michelin หลังจาก Tsuta อย่าง Nakiryu มีเมนูเด็ดประจำร้านคือ Dandanmen ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพ ส่งตรงมาจากเมืองเสฉวน ประเทศจีน มีความโดดเด่นที่ซุปรสเผ็ด และความเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดงาที่ทางร้านใช้
โดยทางร้าน Nakiryu ใช้พริกไทยสีแดงเป็นหลักในการทำราเม็งซอสโชยุ ซึ่งทางร้านคั่วพริกกับเมล็ดงาจนน้ำมันตามธรรมชาติของพวกมันออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคำที่กัดลงไปนั้นมีรสเผ็ด ใครอยากทานอาหารรสเผ็ดจัดๆ ก็สามารถเพิ่มเงินอีก 50 เยนได้เลย
นอกจากนี้คุณยังสามารถทานราเม็งคู่กับข้าวสวย แล้วราดด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ได้ตลอดทั้งวันไปจนถึงช่วงเย็น โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะทานคู่กับหมูย่างชิ้นหนาๆ หรือว่าใครชอบซีฟู้ดก็เปลี่ยนเป็นกุ้งได้เช่นกัน ซึ่งที่ร้านมีอาหารให้เลือกอีกหลายเมนู แถมร้านนี้ยังไม่ต้องรอคิวนานอีกด้วย
ร้านอาหารญี่ปุ่น
Kagawa Ippuku
Kanda
รางวัล Bib Gourmand / อุด้งราคาเริ่มต้นที่ 450 เยน
Kagawa นั้นเป็นต้นตำรับของอุด้งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งทาง Ippuku นั้นจะเสิร์ฟอุด้ง Sanuki ที่มีเอกลักษณ์ คือมีเส้นเป็นทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเส้นของที่ร้านนั้นจะเหนียวนุ่ม เคี้ยวได้เพลิน ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของเส้นอุด้งที่ดี
นอกจากนี้ทางร้านยังเพิ่มรสสัมผัสให้กับตัวอุด้งด้วย โดยการเสิร์ฟอุด้งแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อุด้ง kake หรืออุด้งน้ำใส และอุด้ง bukkake ที่ต้องนำเส้นไปจุ่มน้ำซุปก่อนทานอีกที รวมไปถึงอุด้งที่เสิร์ฟร้อมกับไข่ไก่ดิบฟองใหญ่ ๆ
หากใครต้องการท็อปปิ้งอื่น ๆ ทางร้านก็มีให้บริการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สาหร่าย พลัม ไข่ออนเซ็น หรือมายองเนส ซึ่งจะเสิร์ฟคู่กับเนื้อวัว หัวไชเท้า และบุก และในบางวันอาจจะมีปลาหมึก กุ้งเทมปุระ และทอดมันอีกด้วย
ร้านอาหาร
Shinjuku Kappo Nakajima
Shinjuku
ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว / เซ็ตอาหารกลางวันเริ่มต้นที่ 800 เยน
Nakajima เป็นร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่มีอาหารกลางวันราคาถูกที่สุด โดยเมนูที่แพงที่สุดในร้าน สนนราคาอยู่ที่ 15,000 เยน ซึ่งสามารถตามมาทานกันได้ในช่วงมื้อเย็น แต่สำหรับมื้อกลางวัน คุณจะสามารถทานอาหารเป็นเซ็ทได้ในราคาเพียง 800 เยนเท่านั้น โดยจะได้ทานข้าว ซุปมิโซะ ผักดอง และชา
โดยมื้อกลางวันจะเป็นปลาซาร์ดีนเกรดซาซึมิ แต่นำมาทอดด้วยไฟแรงกับไข่และเครื่องปรุงต่าง ๆ จนกลายเป็นอาหารที่ดูน่าทานเหมือนกับในรูปนี้ ใครจะมาทางอาหารร้านนี้ต้องจองคิวก่อนนะ และทางร้านจะเปิดให้บริการในเวลา 11.30 ถ้าจะมาทานต้องมาถึงก่อนเวลาร้านเปิด และไม่ควรพาเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้ามาทานอาหารที่ร้านล่ะ
ร้านอาหารจีน
Anda Gyoza
Yoyogi-Uehara
ได้รับรางวัล Bib Gourmand / เกี๊ยวซ่าในราคา 972 เยน (ไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม)
Anda Gyoza นั้นดูเหมือนร้านอาหารไต้หวันมากกว่าร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งมีเมนูขึ้นชื่อของร้านอย่างเกี๊ยวซ่าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ มากมาย จนทำให้กลิ่นของเกี๊ยวซ่าร้านนี้มีเอกลักษณ์และรสชาติดี
โดยเกี๊ยวซ่าของที่ร้านนั้นทำจากเนื้อไก่ ปรุงรสด้วย ผักชี กุ้งแห้ง มะพร้าว และยังมีทีเด็ดที่ซอสต้มยำแบบไทย นอกจากี้ยังมีส่วนผสมของหมู แครอท ผงเครื่องแกง ไก่อบขิง น้ำปลา และใบกะเพราอีกด้วย หลังจากนั้นจะนำเกี๊ยวซ่าที่ห่อแล้วไปต้ม ซึ่งเซ็ต 4 ชิ้นที่เสิร์ฟมานั้น แต่ละชิ้นก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ทางร้านยังเสิร์ฟอาหารพร้อมกับข้าวที่มีส่วนผสมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด แครอทหั่นเต๋า แตงกวา หัวไชเท้าดอง และซุปสาหร่าย เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่สามารถสั่งอาหารมาทานกันได้ตลอดทั้งวันเลยทีเดียว
ร้านอาหาร
Tonkatsu Masamune
Tameike-Sanno
รางวัล Bib Gourmand / เซ็ตอาหารกลางวัน ราคาเริ่มต้นที่ 1,080 เยน
ร้าน Masamune นั้นขายหมูทอดแบบง่าย ๆ แต่มีความพิเศษตรงที่ร้านนี้เขาใช้วัตถุดิบที่มีความพรีเมียมเป็นพิเศษ เพราะจะเสิร์ฟข้าว Koshi Ibuki จากเกาะ Sado ใน Niigata และใช้น้ำมันรำข้าว Kuwana ในการทอด ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ แถมยังมีผักดองและพริก ที่อุดมไปด้วยสังกะสี ส่วนเกล็ดขนมปังก็ทำมาจากขนมปังชั้นดีที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการทอดเช่นกัน
ส่วนเนื้อหมูที่ใช้นั้นก็จะใช้เนื้อหมูของแบรนด์ Waton Mochibuta หรือดีกว่านั้น เมื่อนำมาผัดกับซอสต่าง ๆ ก็จะซึมเข้าไปถึงเนื้อในได้ง่าย โดยทางร้านเลือกใช้เนื้อสันนอกมาโรยเกลือ จากนั้นก็บีบน้ำมะนาวลงไป เพื่อทำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัว และดึงเอารสชาติที่ดีที่สุดของเนื้อหมูออกมา
หากคุณมาทานมื้อเย็นที่ร้านนี้ ต้องเตรียมเงินมาอย่างน้อย 2,000 เยน ถึงจะทานอาหารราคาต่ำสุดของที่ร้านได้ แต่พิเศษสำหรับมื้อกลางวัน มีเมนูหมูสับเสิร์ฟคู่กับข้าว ซุปมิโซะหมู และผักดองวางจำหน่ายในราคาเพียง 1,080 เยนเท่านั้น นอกจากนี้ถ้าต้องการเนื้อหมูสันนอกชิ้นหนาๆ แบบเยอะจุใจ ก็สนนราคาอยู่ที่ 1,680 เยนเท่านั้น ถ้าอยากมาทานร้านนี้แนะนำให้จองคิวล่วงหน้านะ
ร้านสุดท้าย ร้านราเม็ง
Menya Ishin
Meguro
Bib Gourmand / ramen from ¥790
ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ สถานี Meguro ซึ่งร้าน Menya Ishin นั้นมีชื่อเสียงเรื่องวัตถุดิบที่เชฟนำมาใช้ปรุงอาหาร โดยทางร้านใช้หมูของ Mochibuta และไก่จากเมือง Nagoya และ Akita, สาหร่ายทะเลจาก Rausu ใน Hokkaido และเส้นของ Menya Ishin ยังถูกทำขึ้นเองในเมือง Yokohama จากนั้นจึงนำมาเสิร์ฟในถ้วยที่จาก Arita แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาชั้นสูงของประเทศญี่ปุ่น
เมื่อมาที่ร้าน Menya Ishin คุณจะได้ลิ้มรสอ่อนๆ ของราเม็งน้ำซุปเกลือ "ชิโอะราเม็ง" ที่มีส่วนผสมของส้มยุซุ ในราคาเพียง 850 เยนเท่านั้น แค่ถ้าอาจจะอัพเกรดกินกันแบบพิเศษๆ ก็เพิ่มราคาอีกนิดหน่อยเป็น 1,100 เยนเท่านั้น คุณก็จะได้ชิมเกี๊ยวไก่สูตรพิเศษอีก 3 แบบ 3 สไตล์ด้วยกัน ซึ่งมันยังมาพร้อมกับไข่ต้มยางมะตูมที่ดูดซับความหมายของเกลือและโชยุในน้ำซุปได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มน้ำมันไก่ลงไปในซุปเพื่อเพิ่มรสชาติ และทำให้ทานได้คล่องคอมากขึ้นอีกด้วย
อาหารอร่อยๆ นั้นไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป หากคุณอยากทานอาหารญี่ปุ่นระดับมิชลินสตาร์แบบนี้บ้างเวลาบินไปญี่ปุ่นคราวหน้า ก็อย่าลืมเช็คข้อมูลและสำรองที่นั่งล่วงหน้ากันก่อนนะ เพื่อความชัวร์ว่าเราจะได้ทานอาหารดีๆ ในราคาโดนๆ ได้อย่างที่ใจต้องการ
สำหรับวันนี้ WOM ต้องลาไปก่อน ต่อไปเราจะพาคุณไปชิมร้านไหนอีกบ้างนั้น ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : timeout