5 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่จะทำให้คนรักหมาน้ำตาซึม

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าทุกวันที่ 26 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันสุนัขสากล (International Dog’s Day) ถูกจัดตั้งครั้งแรกในสหรัฐฯ เมื่อปี 2547 โดย คอลลีน เพจ (Colleen Paige) ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยง อีกทั้งปีนี้ยังเป็นปีหมา โอกาสดี ๆ มาถึง ผู้เขียนเลยขอแนะนำ 5 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่จะทำให้คนรักหมาน้ำตาซึม ไปดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

 

โฮ่งฮับ เจ้าตัวเนี้ยซี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ : Quill The Life of a Guide Dog (クイール ) (2004)

ดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงอย่าง 盲導犬クイールの一生 (The Life of Quill, the Seeing-Eye Dog) โดยเรียวเฮอิ อากิโมโตะ (Ryohei Akimoto) และเคนโงะ อิชิกูโระ (Kengo Ishiguro) ภาพยนตร์เรื่องนี้นับว่าประสบความสำเร็จในแง่รายได้ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2004

ควิลล์ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ที่มีปานดำตรงสะโพก ได้พาพวกเราไปเรียนรู้วิถีชีวิตและพัฒนาการของสุนัขนำทางผู้พิการทางสายตาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เรียนรู้ความเจ็บปวด การพบเจอ และพรากจากกัน ควิลล์เป็นสุนัขที่ตรงตามคุณสมบัติของการเป็นสุนัขนำทาง จึงถูกฝึกและเคี่ยวกรำอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นสุนัขนำทางที่ดี ก่อนที่จะได้รับการเลือกไปเป็นสุนัขนำทางให้กับ มิทซึรุ วาตานาเบ้ (คาโอรุ โคบายาชิ Kaoru Kobayashi (小林薫)) ชายพิการทางสายตาวัยกลางคนผู้โมโหร้าย ภาพยนตร์ค่อย ๆ ให้ผู้ชมได้เห็นพัฒนาการ การปรับตัวระหว่างควิลล์และนายใหม่ของมัน กว่าจะเข้าขากันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

วันหนึ่ง วาตานาเบ้ เกิดป่วยหนักและถูกส่งเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน นั่นทำให้ควิลล์ต้องกลับไปอยู่ที่ศูนย์ฝึกสุนัข วันแล้ววันเล่า ควิลล์เอาแต่เฝ้ามองออกไปทางหน้าต่าง มันกำลังรอคอยใครสักคน จนกระทั่งวาตานาเบ้กลับมาหาพร้อม ๆ กับการทำหน้าที่นำทางครั้งสุดท้ายของควิลล์ จากนี้ชีวิตของควิลล์จะเป็นอย่างไร…

 

 

เพื่อนสี่ขา ซี้ไม่มีซั้ว : All About My Dog (いぬのえいが) (2005)

ผู้เขียนขอยกเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่งในดวงใจ เพราะไม่ง่ายเลยที่จะนำภาพยนตร์สั้นหลากหลายแบบมายำรวมกันได้อย่างลงตัว พาร์ทตลกทำได้ดี พาร์ทดราม่าก็เศร้าลึกจนรู้สึกหน่วง บางเรื่องเชื่อมโยงกัน แต่บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกันเลย เพราะนอกจากเรื่องหลัก ๆ ยังมีภาพยนตร์สั้น Stop Motion, ภาพยนตร์อะนิเมะสั้น ๆ มาคั่นเป็นช่วง ๆ

เรื่องใหญ่ ๆ แบ่งเป็น 4 เรื่อง โดยมีเรื่องหลักเกี่ยวกับเคนทารุ ยามาดะ (ชิโด นากามูระ : Shido Nakamura (中村獅童)) ครีเอทีฟในบริษัทโฆษณา ผู้เหนื่อยหน่ายเจ้านายและลูกค้าของเขาเพราะงานโฆษณาอาหารสุนัขตัวล่าสุด ในขณะที่เขากำลังท้อแท้สุดขีด สายตาเขาเหลือบไปเห็น โปจิ สุนัขที่เขาเคยเล่นด้วยตอนเด็ก ๆ ทำให้เขานึกย้อนถึงอดีตและตัดสินใจกลับไปยังที่ ๆ เขาพบมันครั้งแรก…

เด็กชายยามาดะ ไม่มีเพื่อนและมักจะเล่นขว้างลูกเบสบอลกับหมาจรจัดตัวหนึ่ง ที่เขาตั้งชื่อมันว่า โปจิ วันหนึ่งยามาดะเกิดป่วยหนักกระทันหันจนต้องรักษาตัวในเมือง และไม่ได้กลับมาในที่ที่เป็นของพวกเขาอีก โปจึงวิ่งออกตามหาเด็กน้อยคนนั้น เพื่อจะนำลูกเบสบอลไปคืน โปจิจะทำได้หรือไม่…

เรื่องที่ 2 เป็นการเล่าเรื่องผ่านสุนัขพันธุ์ปั๊กหน้าย่นกับการเอาใจช่วยให้เจ้านายจีบสาวให้สำเร็จ เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เล่นใหญ่ระดับรัชดาลัย โดยมีเจ้าโปจิ เข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องเล่าของมิกะ (อาโออิ มิยาซากิ : Aoi Miyazaki (宮﨑あおい)) พูดถึงมาริโมะ สุนัขของเธอตั้งแต่เกิดจนช่วงชีวิตสุดท้ายของมัน เป็นบทพูดคนเดียวเชิงตั้งคำถามตัดพ้อแต่บาดลึก

สปอยล์ : ร้องไห้หนักมาก

 

 

เพื่อนซื่อ ชื่อ มาริ : A Tale of Mari and Three Puppies (マリと子犬の物語) (2007)

อ้างอิงมาจากหนังสือ 山古志村のマリと三匹の子犬  (Yamakoshi-mura no Mari to Sanbiki no Koinu) หนังสือขายดีที่มียอดจำหน่ายกว่า 200,000 เล่ม โดยมีเค้าโครงมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวชูเอ็ทสึ จังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2004 สร้างความประทับใจให้คนรักหมา ในวีรกรรมอันกล้าหาญของมาริ กวาดรายได้ไปกว่า 3,000 ล้านเยน

อายะ (มาโอะ ซาซากิ : Mao Sasaki (佐々木麻緒)) และยูซุ (เรียวเฮ ฮิโรตะ : Ryohei Hirota (広田亮平) สองพี่น้องแห่งหมู่บ้านยามาโคชิ ได้ไปพบกับเจ้าหมาน้อยมาริโดยบังเอิญที่ทุ่งแสงจันทร์ อายะอยากเลี้ยงเจ้ามาริมาก ถึงแม้ว่ายูอิจิ (เออิจิโร ฟุนะโคชิ : Eichiro Funakoshi (船越英一郎)) พ่อของทั้งคู่จะมีท่าทีรังเกียจมันในตอนแรก แต่ในที่สุด เขาก็ยอมรับมาริมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว วันเวลาผ่านไป มาริกลายเป็นแม่หมาที่มีลูก 3 ตัว ทว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว วันที่ 23 ตุลาคม 2004 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง และเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายครั้ง อายะและคุณปู่ยูโซ (เค็น อุทสึอิ : Ken Utsui (宇津井健)) อาศัยอยู่ที่บ้านและถูกซากปรักหักพังทับอยู่ภายใน มาริ พยายามที่จะช่วยอายะและคุณปู่ออกมาให้ได้ แต่แรงหมาเพียงตัวเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ มาริจึงวิ่งออกไปตามหาใครสักคนให้มาช่วยนายอันเป็นที่รัก จนไปเจอกับสิบเอกยาสุดะ

ในขณะเดียวกัน หมู่บ้านยามาโคชิถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากถนนเสียหายอย่างหนักจนรถไม่สามารถเข้ามาได้ มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกค้างได้นั่นก็คือเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงมาถึง ด้วยความจำเป็นต้องเลือกมนุษย์ไปในที่ที่ปลอดภัยก่อน มาริและลูก ๆ ถูกทิ้งไว้ที่ยามาโคชิตามลำพังในสภาพไร้อาหาร หลังจากนั้นไม่นาน ด้วยสภาพอากาศแปรปรวนในเมืองยามาโคชิ จะต้องเกิดอันตรายกับมาริและลูก ๆ อย่างแน่นอน อายะและยูซูจึงตัดสินใจไปช่วยมาริและลูก ๆ ด้วยตัวเอง พวกเขาจะได้เจอกันอีกหรือไม่…

สปอยล์ : ฉากที่มาริวิ่งตามเฮลิคอปเตอร์นี่ใจพังมากเลยค่ะ

 

 

10 ข้อสัญญาน้องหมาของฉัน : 10 Promises To My Dog (犬と私の10の約束) (2008)

เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ ฮาเระ คาวากูชิ : Hare Kawaguchi  (川口晴) ซึ่งนิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจเรื่องสัญญา 10 ข้อ จากบทความ The Ten Commandments of Dog Ownership ของ Stan Rawlinson เมื่อปี 1993 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ คัทสึฮิเดะ โมโทกิ : Katsuhide Motoki (本木克英) มากำกับ

ณ เกาะฮอกไกโด ในวันเกิดครบ 14 ปีของ อาการิ ไซโตะ (มายูโกะ ฟูคาดะ : Mayuko Fukuda  (福田麻由子)) ด้วยความเหงา เด็กสาวจึงอยากได้ลูกสุนัขเป็นของขวัญวันเกิด เพราะพ่อ (อิทสึชิ โทโยคาวะ : Etsushi Toyokawa (豊川悦司)) ผู้เป็นหมอที่ไม่ค่อยเวลาให้ วันหนึ่งอาการิเห็นลูกหมาเข้ามาในบ้าน จึงขอให้แม่ช่วยรบเร้าให้พ่ออนุญาตเลี้ยงหมาตัวนี้

แม่ของอาการิตั้งชื่อเจ้าหมาโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวนี้ว่า “ซ็อค” (Sock) เพราะเท้าข้างหนึ่งของมันมีรอยด่างสีขาว นอกจากนี้ได้ตั้งสัญญา 10 ข้อ โดยกำชับให้อาการิรักษาและไม่หลงลืมสัญญา ดังนี้

1. ฟังฉันให้ดี ๆ และต้องทำตาม

2. ไว้ใจฉัน เพราะฉันอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

3. เล่นกับฉันบ่อย ๆ

4. อย่าลืมว่าฉันก็มีความรู้สึกเหมือนกัน

5. ไม่ทะเลาะกัน เพราะวันหนึ่งฉันจะโตพอที่จะเอาชนะเธอได้

6. ถ้าฉันไม่เชื่อฟังเธอ นั่นหมายความว่าฉันมีเหตุผลที่ดี

7. เธอไปโรงเรียน เธอมีเพื่อน แต่ฉันมีเธอเพียงคนเดียว

8. อยู่กับฉันในวันที่ฉันแก่ตัว

9. ฉันจะมีอายุขัยเพียง 10 ปี ฉะนั้นโปรดทำทุกนาทีให้มีความหมาย

10. ฉันจะไม่ลืมช่วงชีวิตที่เราอยู่ร่วมกัน เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง โปรดอยู่ข้าง ๆ ฉัน

อาการิจะสามารถรักษาสัญญา 10 ข้อนั้นได้หรือไม่…

สปอยล์ : ถ้าคุณหลงทาง ได้โปรดเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน คุณจะเจอฉันในโลกอื่น ฉันจะรอคุณอยู่ที่นั่น

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : เพลงประกอบภาพยนตร์ได้ โบอา (BoA) ศิลปินเกาหลี มาถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างอาการิและซ็อค

เพลงประกอบภาพยนตร์ :

ตัวอย่างภาพยนตร์ :

 

 

Star Watching Dog (星守る犬) (2011)

จากการ์ตูนมังงะที่มียอดขายกว่า 400,000 เล่ม ผลงานของอาจารย์ทาคาชิ มูราคามิ สู่อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เรียกน้ำตาคนรักหมาได้เป็นอย่างดี ด้วยฝีมือการกำกับของ ผู้กำกับโทโมยูกิ ทาคิโมโตะ (Tomoyuki Takimoto : 瀧本智行) ว่าด้วยเรื่องชายวัยกลางคนคนหนึ่ง (โทชิยูกิ นิชิดะ : Toshiyuki Nishida (西田 敏行)) เสียชีวิตภายในรถตู้แวนที่ถูกจอดทิ้งมานานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ใกล้ ๆ ร่างของเขาพบสุนัขพันธุ์อาคิตะสีขาว 1 ตัว นอนตายเคียงข้าง ด้วยความน่าสนใจและความสงสัยในคดีนี้ ทำให้ เคียวสึเกะ โอคึทสึ (เท็ทสึจิ ทามายามะ : Tetsuji Tamayama (玉山鉄二)) ข้าราชการหนุ่มผู้เบื่อหน่ายชีวิตการงาน ออกเดินทางตามรอยชายคนนี้และสุนัขอาคิตะ

ระหว่างทางเคียวสึเกะได้พบกับยูกิ คาวามูระ (ยูมิกะ คาวาชิมะ : Umika Kawashima (川島海荷)) หญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยความฝันของการเป็นไอดอล ขอออกเดินทางด้วย การเดินทางครั้งนี้  ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักชายวัยกลางคนและสุนัขตัวนั้นที่ทราบชื่อภายหลังว่า “แฮปปี้”  ผ่านคำบอกเล่าของคนที่พบเห็น ยิ่งเดินทางยิ่งได้รู้จักคนที่กลายเป็นคนแปลกหน้าไปตลอดกาล นั่นทำให้เคียวสึเกะได้กลับมาทบทวนและเปิดเผยกับความรู้สึกผิดในใจบางอย่างที่เขาเก็บงำมันไว้อยู่เพียงคนเดียว…

ทั้งเรื่องวนเวียนกับเรื่องความรักระหว่างคน – สุนัข โดยมีการเดินทางเป็นประเด็นหลัก การออกเดินทางเพื่อตามหาความหมายของชีวิต การเดินทางเพื่อออกหาความฝัน การเดินทางเพื่อทบทวนตัวเอง รับรองได้เลยว่าหลายคนต้องร้องไห้ และรู้สึกว่าโลกแม่งร้าย การแสดงของ “แฮปปี้” กระตุกหัวใจคนรักหมาให้สั่นไหวได้แน่นอน

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับ 5 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่จะทำให้คนรักหมาน้ำตาซึม เพื่อน ๆ เคยดูเรื่องไหนกันบ้าง เล่าให้เราฟังได้นะ…

FOLLOW US ON
FACEBOOK