แนะนำ 5 คาเฟ่ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านนิดๆ เรโทรหน่อยๆ ในโตเกียว

จริงๆ แล้วคาเฟ่ในญี่ปุ่นนี่ก็มีหลากหลายมากมาย แต่เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่าจริงๆ แล้วญี่ปุ่นเขามีชื่อเรียกคาเฟ่อีกแบบนึงคือ Kissaten (喫茶店) โดยรวมแล้วก็เป็นที่สำหรับมานั่งดื่มชากาแฟ ทานขนมแบบคาเฟ่ปกตินั่นแหละ แต่ในญี่ปุ่นเนี่ยเขาก็มีร้านคิซซะเต็นที่เปิดมานาน และยังคงบรรยากาศของร้านที่เก่าแก่เอาไว้อยู่ ทำให้เมื่อเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบเก่าๆ หน่อย หากใครชื่นชอบอะไรแบบนี้ ตามเรามาเลยค่ะ เพราะคราวนี้จะมาแนะนำคาเฟ่แบบญี่ปุ่น 5 ร้านให้เพื่อนๆ ได้เก็บไว้ในลิสต์กัน

1. Nanatsu no Mori ｜Koenji

หากมองตัวร้านด้านนอกเพื่อนๆ จะรู้สึกได้ถึงความเก่าที่ผ่านอากาศหนาวร้อนมานับสิบๆ ปี มองดูแล้วเหมือนได้ย้อนกลับไปอยู่ในยุคโชวะที่สมัยคุณตาคุณยายของเรายังเป็นหนุ่มสาว การตกแต่งหน้าร้านและภายในร้านก็ยังคงใช้เฟอร์นิเจอร์แบบยุคเก่า และเมนูที่อยากจะแนะนำก็คือ “Omu Gohan” หรือข้าวที่มีไข่ออมเล็ตนุ่มๆ ฟูๆ สีเหลืองวางอยู่ด้านบน ตัวข้าวผัดผัดกับเนื้อ ผักและเห็ดเอโนกิ ข้าวจะไม่ใช่รสของซอสมะเขือเทศ แต่จะออกแนวรสชาติหวานๆ เค็มๆ สไตล์ญี่ปุ่นต่างจากที่อื่น

ทานข้าวออมเล็ตไปพลางมองซึบซับบรรยากาศแบบยุคเก่าภายในร้านไปพลาง ให้เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไร แค่นี้พลังใจของเราก็เต็มเปี่ยมแล้วค่ะ

Nanatsu no Mori
พิกัด : 2 Chome-20-20 Kōenjiminami, Suginami, Tokyo
เวลา : 10.30-24.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Shin-Koenji (新高円寺駅) เดินต่ออีก 3 นาที หรือจากสถานี Koenji (高円寺駅) เดินต่ออีก 7 นาที

2. Sabouru | Jinbocho

คาเฟ่ร้านต่อมาบอกได้เลยว่าเป็นคาเฟ่ที่เก่าแก่จริงๆ เพราะเปิดมานานกว่า 62 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1955 ตัวร้านจะมีหลายชั้นค่ะ ชั้นแรกจะเป็นกึ่งๆ ชั้นใต้ดินและมีชั้นลอยให้นั่งได้ ภายในร้านอาจจะมืดไปสักนิดแต่ก็ยังมีแสงมากพอให้มานั่งอ่านหนังสือได้สบายๆ

เมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดของร้านนี้คือ Spaghetti Neapolitan เป็นเมนูที่แสนธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดา เส้นผัดด้วยซอสมะเขือเทศ พร้อมกับเห็ด หัวหอมและเบค่อน เสิร์ฟมาแบบพูนจานพร้อมกับสลัดในถ้วยเล็กๆ ที่ทำให้เราอิ่มท้องและอิ่มใจในบรรยากาศดีๆ ของร้านได้ไปทั้งวัน

Sabouru
พิกัด : 1-11 Kanda Jimbocho, Chiyoda-ku, Tokyo
เวลา : 9.00-23.00 น.
การเดินทาง : ร้านอยู่ตรงสถานี Jimbocho (神保町駅) รถไฟสาย Toei Subway Shinjuku Line • Mita Line หรือ
Tokyo Metro Hanzomon Line ใช้ทางออก A7

3. Kissa Housekibako ｜Chitose Karasuyama

ร้านต่อมาเป็นร้านที่ตกแต่งด้วยของที่เกี่ยวข้องกับยุค 1970 และ 1980 สาวๆ ญี่ปุ่นจากทั่วทุกสารทิศมาที่นี่เพื่อที่จะดื่มอัญมณีกัน ฟังไม่ผิดหรอกค่ะมันดื่มได้จริงๆ และก็เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่เสียด้วย

“Drinkable jewelry” เป็นน้ำครีมโซดาที่มีสีสันสวยงามสุดๆ ปกติแล้วสีพื้นฐานของครีมโซดาก็จะเป็นสีเขียวใช่ไหมล่ะคะ แต่ที่นี่ทำพิเศษกว่านั้นด้วยการทำเป็นสีแบบน่ารักๆ อย่าง ม่วง แดง หรือชมพู ร้านนี้ไม่ได้ดังแค่เฉพาะในชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ชาวต่างชาติเองก็นิยมมาร้านนี้เช่นกันค่ะ

Kissa Housekibako
พิกัด : 4-18-18 Oyama Mansion102, Minorakuyama Setagaya-ku, Tokyo
เวลา : 10.00-18.30 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Keio Chitose-karasuyama Station ทางออก North เดินต่ออีก 5 นาที
เว็บไซด์ :  http://housekibako.wixsite.com/2009

4. Kissa You ｜ Ginza

ร้านต่อมาตั้งอยู่ในย่านช็อปปิ้งที่สำคัญอย่างกินซ่า ใกล้ๆ กับ Kabukiza ที่คอยเสิร์ฟอาหารแสนอร่อยให้กับนักแสดงคาบูกิมากว่า 47 ปีแล้ว ดังนั้นร้านนี้จึงกลายส่วนหนึ่งของคาบุกิซะไปแล้ว การันตีความเก๋าด้วยคิวที่ยาวตั้งแต่ยังไม่เปิดอีกค่ะ หนึ่งในเหตุผลที่พวกเขายอมมารอคิวกับแบบนี้ก็เพราะเมนูข้าวไข่ออมเล็ตนุ่มๆ นั่นเอง

ตัวไข่ออมเล็ตที่เสิร์ฟบนข้าวมีความนุ่มฟูและเนื้อดูเด้งน่ารับประทานสุดๆ เมื่อทานเข้าไปแล้วรสสัมผัสที่ได้คือ นุ่มละมุน เนื้อไข่ที่ยังไม่สุกดีให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานซุปไข่อยู่เลย

Kissa You
พิกัด : Takano Build. 1F 4-13-17 Ginza, Chuo-ku, Tokyo
เวลา : 10.00 (เวลาอาหารเริ่ม 11.30) – 21.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo Metro Higashi-Ginza สาย Hibiya Line ทางออก 5 หรือรถไฟสาย Toei Subway Asakusa Line เดินต่ออีก 1 นาที

5. Kissa Knit ｜Kinshi-cho

เมื่อเปิดประตูร้านของคาเฟ่นี้เข้าไปก็จะได้ยินเสียงกระดิ่งดังที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคก่อน ปีแรกๆ ที่ร้านนี้เปิดตัวจะเสิร์ฟแค่อาหารว่างเบาๆ เท่านั้น แต่ในตอนนี้กลับมีเมนูน่าสนใจมากมายที่ควรจะมาลองให้ได้สักครั้ง อย่างเช่น “Barbeque set” เซตอาหารบาร์บีคิว หรือ “Kani zosui” ข้าวต้มที่ใส่เนื้อปูชิ้นโตๆ เป็นเมนูที่ไม่ค่อยจะได้เห็นเสิร์ฟเท่าไหร่ในคาเฟ่แบบนี้