Movie Review : รีวิว Destiny : Kamakura Story มหัศจรรย์โลกแห่งความตาย

สำหรับ Destiny: Kamakura Story เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ดราม่า โรแมนติก ผลงานการกำกับของ ทาคาชิ ยามาซากิ เจ้าของผลงาน Stand by Me: Doraemon, Parasyte และ Always Sunset on Third Street ทั้ง 3 ภาค นำแสดงโดย มาซาโตะ ซากาอิ นักแสดงหนุ่มจาก Golden Slumber, มิตซึกิ ทาคาฮาตะ นักแสดงสาวจาก Botanical Books และ ชินอิจิ สุสุมิ จาก Always Sunset on Third Street

เนื้อหาของหนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนของ อ.เรียวเฮ ไซงัง ว่าด้วยเรื่องราวของ มาซาคาซึ อิชชิกิ นักเขียนนิยายพิศวงวัยกลางคนที่เพิ่งแต่งงานกับ อากิโกะ ภรรยาสาวอายุน้อยกว่าสิบปี ก่อนจะพากันย้ายกลับมาอยู่ในเมืองคามาคุระ บ้านเกิดของ มาซาคาซึ ที่เจ้าตัวบอก อากิโกะ บ่อยๆว่าคามาคุระเป็นเมืองเก่าที่มีไอปีศาจอยู่เยอะ ทำให้พวกเขาได้พบกับวิญญาณ ภูติ ผี ปีศาจ และสิ่งมีชีวิตในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นได้บ่อยๆ

ต่อมาเกิดเรื่องแผนการอันชั่วร้ายของปีศาจขึ้น เทนโทกิ ปีศาจที่เกิดจากกิเลสของมนุษย์ จนทำให้วิญญาณของ อากิโกะ หลุดจากร่าง อิชชิกิ จึงตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยไปยังโลกหลังความตายเพื่อตามหาคนรัก แม้ว่าจะยังไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ก้าวไปยังที่ดินแดนแห่งนั้นแล้วได้กลับออกมาได้ก็ตาม

Destiny: Kamakura Story มีเนื้อหาที่สนุกสนานน่าติดตาม เริ่มต้นด้วยการเป็นหนังดราม่าครอบครัว ก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มความลึกลับแฟนตาซีเข้ามาทีละนิด นอกจากจะได้ทำความรู้จักกับปีศาจ ภูติ ผี เทพ ต่างๆใน ตำนานของญี่ปุ่นแล้ว ยังถือว่าเป็นการจินตนาการโลกแห่งความตายขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ คงความเชื่อตามแบบฉบับเอเชีย และมีเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น เช่น การใช้รถไฟเชื่อมโลกของคนเป็นกับคนตาย

ชอบช่วงท้ายของภาพยนตร์ ตอนที่ทั้งคู่อยู่ในโลกของวิญญาณ มีการพูดถึงเรื่องพรหมลิขิต โดยอธิบายเหตุผลเกี่ยวกับการเป็นเนื้อคู่ของคู่รักที่อายุต่างกันเกิน 10 ปี ได้อย่างน่ารักมากๆ (อยากรู้ว่าเหตุผลอะไร ต้องไปดู) อีกข้อที่โดดเด่นคือโลเคชั่นถ่ายทำอย่างเมืองคามาคุระ ซึ่งมีความเก่าแก่โบราณ วิถีชีวิตผู้คนแทบจะไม่ต่างจากช่วงเวลาหลายสิบปีก่อน เชื่อว่าผู้ชมหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้ต้องรู้สึกอยากเดินทางไปเที่ยวเมืองนี้ ส่วนการสร้างภาพจำลองโลกแห่งความตายขึ้นมาจากจินตนาการก็ทำได้สวยงามไม่แพ้กัน