ความสวยงามเหนือสายหมอก ดั่งสถานที่บนสรวงสวรรค์ ความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ เสน่ห์ที่น่าหลงไหลและนำพาผู้คนมาเยี่ยมชมความสวยงามนี้ .. ปราสาทกลางหุบแห่งเมืองโอนะ .. ปราสาทลอยฟ้าแห่งโฮคุริคุ ..
“Castle in the Sky”
สำหรับใครหลายๆคนก็จะนึกถึงปราสาท Takeda จังหวัด Hyogo หรือถ้าใครหาข้อมูลเพิ่มเติมก็จะรู้จักปราสาท Bitchu-Matsuyama ในจังหวัด Okayama สองปราสาทนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทลอยฟ้าเช่นเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว ปราสาทลอยฟ้าในญี่ปุ่นนั้นมีมากกว่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือปราสาท Echizen Ono นั่นเอง
Echizen Ono Castle
Echizen Ono Castle สร้างขึ้นในปี 1575 โดย Kanamori Nagachika ซึ่ง Oda Nobunaga ได้ส่งให้มาดูแลในเขตนี้ ปราสาทเอจิเซน โอโนะ นั้นเป็นปราสาทประเภท Hirayamajiro (ปราสาทบนเขาลูกเล็ก) บนเขา Kameyama ที่ความสูง 249 เมตร โดยการพัฒนาเมืองโอโนะนั้น ได้ถูกออกแบบผังเมืองให้ใกล้เคียงกับเกียวโตมากที่สุด จนได้ชื่อว่า Little Kyoto แบบในปัจจุบัน โดยปราสาท Echizen Ono ในสมัยก่อนนั้น ตั้งอยู่ระหว่างแคว้น Echizen (Fukui) กับแคว้น Mino (Gifu) ปัจจุบันเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตและยังคงรูปลักษณ์แบบเดิม
ถ้าต้องการจะเห็นปราสาทลอยฟ้าแบบในภาพ เราจะต้องทำยังไงบ้าง?
จากการศึกษาข้อมูลมากมายได้ความว่า เราจะต้องเดินขึ้นเขาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และช่วงเวลาที่จะเกิดเมฆนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมีนาคม แต่จะเกิดบ่อยที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน การเดินทางนั้นเราจะต้องไปเริ่มต้นที่วัดเล็กๆบริเวณตีนเขา แล้วจึงเดินไปตามทางเดินในป่าประมาณ 20-30 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว ซึ่งก็คือจุดหนึ่งในป่านั่นเอง นี่คือทางที่ง่ายที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วสามารถขึ้นได้ทั้งหมด 3 จุดรอบเขา
ที่บอกว่าเป็นทางเดินนั้น ก็ไม่ใช่ทางเดินที่ทำไว้จริงจังอะไรเลย มันคือทางเดินในป่าที่เกิดขึ้นเป็นทางเท้าจากการเหยียบการเดินของคนและเป็นทางเดินที่ทำแบบง่ายๆในป่า อุปสรรค์ที่จะเกิดขึ้นในการเดินทางนั้นก็จะมีความมืด เส้นทางที่ดูยากเพราะอาจจะมีใบไม้ทับถมทำให้ไม่เห็นทาง สัตว์ป่าต่างๆเช่น หมี หรือช่วงหิมะตกในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์นั้นก็จะทำให้ไม่เห็นทางเดินเลย ถึงแม้ระยะทางจะไม่มาก แต่ก็ต้องเตรียมตัวมากพอสมควร
นอกจากทางเดินที่ยากแล้ว สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือโอกาสที่จะเกิดเมฆ ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่จะเกิดเมฆนั้นดูกว้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเมฆสวยๆแบบในภาพทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกิดแบบนี้เสียด้วย ทำให้การวางแผนไปชมนั้นทำได้ยาก เพราะเราจะคาดเดาไม่ค่อยได้ว่าจะเกิดหรือไม่ แต่จากการสอบถามข้อมูลและศึกษาข้อมูลนั้นก็ได้ข้อสรุปง่ายๆว่าจะมีโอกาสเจอสูงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือก็คือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี
ที่พักก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง สำหรับคนญี่ปุ่นหรือคนที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาเลยนั้นจะลำบาก เพราะหาจองยากมากจากเว็บไซต์จองห้องพักที่มีภาษาอังกฤษ เพระาส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียมากกว่า
คำถามก็คือ .. นักท่องเที่ยวคนไหนจะมีเวลาไปรอให้มันเกิดล่ะ?
ผมคิดดูแล้วก็คงต้องบอกว่ามันเป็นไปได้ยากมาก เพราะว่ามันจะเสียเวลาและเสียโอกาสในการไปเที่ยวของเรามากนั่นเอง ยกเว้นว่าตั้งใจจริงๆ การไปรอมันก็คุ้มค่าอยู่นะ
แล้วถ้าถามว่าคนเขียนเรื่องนี้เคยไปไหม? ผมก็บอกตามตรงเลยว่ายังไม่เคยแต่ ผมสนใจปราสาทนี้และอยากจะไปถ่ายภาพแบบนี้มาตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา และฝันว่าสักวันจะต้องไปให้ได้ จากทริปครั้งล่าสุดก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเนื่องจากเวลามีน้อยมาก และสภาพอากาศก็แย่จากฝนที่ตกทั้งวันด้วย จึงทำได้แค่เดินเล่นในเมืองสโลว์ไลฟไปวันๆ
ในทริปที่ไปฟุคุอินั้น ผมก็มีโอกาสได้เจอเมฆหมอกเหมือนกันนะ แต่มากับฝนที่ตกทั้งวัน ทำให้ไปไหนไม่ค่อยจะได้มากนัก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดฟุคุอิส่วนใหญ่จะเป็นแบบเอ้าท์ดอร์ แต่ผมก็ได้นั่งรถออกไปเที่ยวัดเอเฮจิและก็ได้เห็นหมอกแบบนี้ระหว่างทาง ก็สวยไปอีกแบบครับ
Photos Images [1] , Images [2]